แบกเป้เที่ยวฮอยอัน : Hoi An, Vietnam



หลังจากที่พักเรื่องเวียดนามไป ก็ขอมาต่อที่เมืองฮอยอัน ( Hoi An ) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของประเทศเวียดนาม อาจเป็นเพราะได้รับการการันตีให้เป็นเมืองมรดกโลก
เราเดินทางต่อมาถึงเมืองฮอยอัน ( Hoi An ) โดยรถบัส ขอระบายนิดหนึ่ง เรานะซื้อตั๋วจากที่เกสต์เฮ้าส์ พอนั่งบนรถก็เจอฝรั่งแก่กลุ่มหนึ่ง นั่งคุย หัวเราะเสียงดัง แล้วคนทั้งรถจะต้องนั่งฟังเค้าด้วยเหรอ น่าเบื่อมากๆ บางครั้งเราชอบเดินทางกับคนในพื้นที่มากกว่า พอจอดรถเดินไปปลดทุกข์ข้างรถก็ยังดีกว่า มานั่งกับพวกที่คิดว่าตัวเองเจริญ นั่งนินทาชาวบ้านแบบนี้ เบื่อ! คุยตั้งแต่เว้ถึงฮอยอันเลยง่ะ.. เซ็ง!!





มาคุยเกี่ยวกับบรรยากาศของเมืองดีกว่า ฮอยอันเป็นเมืองเก่าขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2542 มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 2,200 ปี หลังจากอาณาจักรจามล้มละลายลง เมืองแห่งนี้ได้รับความสนใจในฐานะเมืองท่าสำหรับติดต่อค้าขาย ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ชาวดัทซ์ อินเดีย ฝรั่งเศส และรวมไปถึงชาวไทยและอีกหลายชาติ เป็นศูนย์กลางการค้าขายสินค้า เช่น ผ้า, กระดาษ, น้ำตาลและอื่นๆ อีกมากมายทั้งเครื่องประดับและสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะเช่น ช้าง เป็นต้น





ที่นี่มีค่าเข้าชม 75,000 ดองด้วยนะคะ บนถนนสายเก่าเส้นนี้ก็จะมีศาลเจ้าเก่า พิพิธภัณฑ์ บ้านเก่าสไตล์จีนๆ ที่เปิดให้เข้าชม บ้านเก่าส่วนใหญ่อายุกว่า 300 ปี บ้านเก่าเหล่านี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงที่ชาวจีนและญี่ปุ่นเข้ามาทำการค้าในภูมิภาคนี้มากขึ้น จึงได้เช่าที่เพื่อทำเป็นโกดัง บ้างก็ลงหลักปักฐานอาศัยถาวร จึงเป็นที่มาของเมืองเก่าที่เห็นในปัจจุบันคะ





แต่สันนิษฐานว่าชาวญี่ปุ่นน่าจะเข้ามาที่นี่เพื่อทำการค้าราวปี ค.ศ. 1637 ส่วนใหญ่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวียดนามเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่ ที่นี่เปรี้ยวชอบก็ตรงร้านค้าต่างๆ ผู้หญิงอย่างเราสำคัญก็ตรงที่ช้อปปิ้งๆเปรี้ยวซื้อชุด อ๋าวหญ๋าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม) ด้วย ชอบมาก ( แต่ตังค์ในกระเป๋าเนี่ยดิ ) จะไม่มีกินเอาได้ อิอิ




ร้านขายของเก่าก็ชอบมาก แต่หลายคนก็บอกว่าที่นี่เค้าก๊อปปี้เก่งต้องคนที่ดูออกจริงๆ แต่ที่น่าสนใจต้องร้านภาพเขียนที่สวยมาก ที่ร้านนี้เราได้เตารีดเก่ามากๆ มา 1 อัน น่ารักดี คุยกะอาม่าตั้งนาน แกไม่ยอมลดให้แต่สุดท้ายก็เสร็จเรา ครั้งแรกที่ต่อสำเร็จ^_^ ( เราเสร็จอาม่า หรือ อาม่าเสร็จเรา ) อันนี้ไม่แน่ใจคะ..อิอิ




ร้านโคมไฟก็สวย - เปรี้ยวพักที่ฮอยอันแค่ 1 วัน ด้วยเวลาที่เรามีจำกัดก็คงไปต่อแล้ว เพราะต้องถึงโฮจิมินท์ให้เร็วขึ้น เพราะมีเที่ยวบินที่จองไว้เพื่อกลับไทยทุกอย่างจึงกระชับมากขึ้น



วันคริสต์มาสที่บางกอก.อิอิ :Christmas Time In Bangkok.

อิอิ.. หลังจากเดินทางไม่หยุดหย่อนก็ถึงเวลาอยู่บ้านแล้ว คนหายไม่ไหนกันหมดทุกอย่างเงียบเชียบ เพื่อนบ้านบางหลังกลับบ้านที่ต่างจังหวัดกัน ซอยบ้านเราก็ยิ่งเงียบมากขึ้น วู้..ร้อนจัง

Banana Trees in front of my house.

My neighbors, start cleaning everything if they can.. ;-)


My orchid's without flowers.

Hot!!! Photobucket

My christmas's party Photobucket Merry Christmas and Happy New year.

เดินเที่ยวป้อมปราการเมืองเว้กันนะจ้า : Old Citadel, Hue_Vietnam.










เราก็มาต่อกันที่ป้อมปราการที่เมืองเว้ และคิดว่าคงต้องเป็นทริปสุดท้ายที่เมืองนี้ด้วย เพราะถึงเวลาที่จะต้องเดินทางต่อแล้ว
ป้อมปราการถูกสร้างราวปี ค.ศ.1804 โดยจักรพรรดิ์ Gia Long โดยเริ่มแรกสร้างจากดินแล้ว ภายหลังก็เสริมความแข็งแรงด้วยอิฐ ด้านหน้าจะเป็นหอธงชาติซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1809 มีความสูงถึง 37 เมตร และได้รับความเสียหายในปี ค.ศ.1904 เพราะเกิดพายุใต้ฝุ่นและหลังจากนั้นได้ซ่อมแซมใหม่ถึง 2 ครั้ง เพราะได้รับความเสียหายจากสงคราม





ภายในป้อมปราการนั้นก็จะมีกำแพงอีกชั้นและคูน้ำล้อมรอบ ภายในก็จะแบ่งเป็นส่วนที่พระราชวัง วัด แต่อาคารบางส่วนก็ถูกทำลายเสียหายในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งได้ทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาและก็ยังมีสงครามระหว่างชาวเวียดนามกันเองอีก ค่าเข้าชม 55000 ดองค่ะ




ส่วนนี้เป็นส่วนแรก หลังจากเดินเข้ามาด้านใน ส่วนนี้จะเป็น Thai Hoa Palace สร้างขึ้นราวปีค.ศ. 1803 เดินไปเดินมาก็รู้สึกเหมือนเดินอยู่ที่เมืองจีน อาคารต่างๆ ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน ภายในป้อมปราการก็จะแบ่งเป็นอาคารสำคัญๆ เช่น Hall of Mandarins, โรงละคร( Royal Theater ), ท้องพระโรงที่สำหรับออกว่าราชการที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงคราม




ในส่วนอาคารต่างๆ ก็จะถูกแบ่งเป็นโซนๆ มีทั้งส่วนหน้าและส่วนในซึ่งพระราชฐานส่วนในนั้นจะเป็นที่ประทับของพระมเหสีและนางสนมเท่านั้น จากอาคารสำคัญๆ ก็จะเป็นในส่วนที่เป็นวัดตั้งอยู่ด้วยคะ



เดินกันจนเมื่อยตุ้มเลย เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาทักทายด้วย คนไทยเวลาที่อยู่ต่างประเทศก็น่ารักอย่างนี้เอง พี่เค้าก็ถามว่าเดินไหวไหม ? เพราะพื้นที่ทั้งหมดราว 7 ตารางกิโลเมตร ^_^ ชิวๆ อิอิ





ตอนนี้นั่งพักครับ เห็นสาวเวียดนามกำลังถ่ายรูปเลยถ่ายบ้าง โอ่งใหญ่มาก นี่ขนาดหลายอาคารถูกทำลายแต่ก็ยังมีอีกหลายอาคารที่ยังเหลืออยู่ แนะนำว่าถ้าใครมาอย่าลืมหมวกนะคะ แล้วมาเดินช่วงเช้าจะดีกว่า เราเองเดินจนเมื่อย แถมลืมเอาหมวกมาด้วย แดดร้อน กว่าจะเดินทั่ว ปาไปบ่ายแก่ๆ แล้วคะ






จบทริปเมืองเว้แล้วจ้า ไปที่ไหนต่อจะทยอยมาอัพบล็อกนะคะ เอาภาพมาฝากแค่บางส่วนอาจไม่ครบทุกมุมนะคะ

เที่ยวเจดีย์เที่ยนมู่ที่เมืองเว้ ; Thien Mu Pagoda, Hue_Vietnam.



เจดีย์เทียนมู่ ( Thien Mu Pagoda ) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้ำหอมที่ไหลผ่านเมืองเว้คะ เป็นสถานที่เกือบสุดท้ายในทริปการล่องเรือชมสุสานคะ เจดีย์เที่ยนมู่มีความสูง 21 เมตร เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ถูกค้นพบในราวปีค.ศ. 1601 โดย Nguyen Hoang ซึ่งเป็นประมาณผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้นคะ




สถาปัตกรรมต่างๆ ก็คล้ายจีน ไม่ต้องสงสัยเพราะเวียดนามก็ได้รับอารยธรรมและวัฒนธรรมมาจากจีน เพียงแต่ภายหลังก็ได้มาปรับเปลี่ยนและมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ยังเช่นชุดประจำชาติเวียดนามคะ




ที่วัดแห่งนี้มีระฆังใหญ่ มีน้ำหนัก 2052 กิโลกรัมมีชื่อเรียกว่า Dai Hong Chung มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า หากตีระฆังใบใหญที่วัดเทียนมู่นี้ สามารถได้ยินไกลถึง 10 กิโลเมตร ตอนที่เรามาเณรน้อยกำลังสวดมนต์ ภายในวิหารประดิษฐาน Sakyamuni Buddha คะ ดูแปลกไม่เคยเห็น ขลังดี และยังมีหลวงพี่จัดดอกไม้อยู่ สวยมากเลยคะ





ส่วนสถูปหลังวัดนี้ ก็มีประวัติศาสตร์ความกล้าหาญของท่านเจ้าอาวาสวัด ที่ไปประท้วงท่านประธานาธิบดีด้วยการเผาตัวเองที่เมืองโฮจิมินท์ซิตี้ ท่านชื่อ Tich Quang Duc เหตุที่ท่านไปประท้วงก็เนื่องจากท่านประธานาธิบดีในสมัยนั้น บังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์คะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1963 ค่ะ และภายหลังลูกศิษย์ของท่านก็ได้นำร่างของท่านกลับมาบรรจุที่สถูปหลังวัดแห่งนี้และรถยนต์คันที่ท่านขับไปก็จัดตั้งแสดงไว้ภายในวัดค่ะ

เที่ยวสุสานจักรพรรดิ์ Minh Mang (2) : Tomb of Minh Mang, Hue_Vietnam.










จากสุสานจักรพรรดิ์ Tu Duc เราเดินทางต่อมาที่สุสานจักรพรรดิ์ Minh Mang พระองค์ทรงครองราชย์ตั้งแต่ ปี 1820-1840 และสุสานแห่งนี้สร้างขึ้นก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์เพียง 1 ปี สร้างราวปี 1841-1843




สุสานจะมีประตูที่มีลักษณะคล้ายหอคอย หรือ ป้อมผ่านเข้าไปในแต่ละส่วนของสุสานจะมีทั้งหมด 3 ประตู ซึ่งทั้ง 3 ประตูนี่มีความหมาย หมายถึง สวรรค์ โลก และ น้ำ



ส่วนที่ 2 คะ เร่งฝีเท้าขึ้น เพราะเฆมฝนมาแล้วคะ แต่แดดร้อน..แปลก ที่สุสานแห่งนี้จะร่มรื่นมาก มีต้นไม้ปลูกเต็มพื้นที่ และบึงบัวคะ สวยดี



และในส่วนที่ฝังพระศพของพระองค์นั้นอยู่ด้านในสุดคะ แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพียงการทำขึ้นเท่านั้นคะ ซึ่งสถานที่จริงๆ ก็ยังเป็นความลับอยู่ ไกด์บอกว่าเรื่องราวก็คล้ายกับที่แรก คือ ทุกคนที่ร่วมในฝังพระศพของจักรพรรดิ์ก็จะถูกสังหารทั้งหมดคะ






ของที่ระลึกที่ขึ้นชื่อของสุสานแห่งนี้คือ Minh Mang Wine โดยมีเรื่องเล่าว่าพระองค์ทรงเสวยไวน์นี้เป็นประจำทุกวัน ทำให้พระองค์ทรงดูหนุ่มและสุขภาพร่างกายแข็งแรง และยังเล่าอีกว่า พระองค์ทรงหลับนอนกับนางสนมได้ถึง 13 คนใน 1 คืน ( หุหุ )

เที่ยวสุสานจักรพรรดิ์ Tu Duc : Tomb of Tu Duc, Hue - Vietnam.








วันที่ 3 ของการเดินทาง เปรี้ยวซื้อทัวร์ 1 วัน เที่ยวชมสุสานจักรพรรดิ์ ค่าทัวร์ถูกมากๆ ราคา 3 ดอลล่าร์เที่ยว 3 สุสาน เดินทางด้วยเรือคะ ล่องเรือตามแม่น้ำน้ำหอม หรือ Perfume River เริ่มเดินทาง 8 โมงเช้า

สุสานแห่งแรกคือ สุสานจักรพรรดิ์ Tu Duc สุสานของพระองค์สร้างขึ้นราวปี ค.ศ 1864-1867 โดยมีการวางแผนสร้างขึ้นก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ ใช้ผู้คนเป็นจำนวนมากในการสร้างสุสาน และจักรพรรดิ์ Tu Duc ทรงเป็นจักรพรรดิ์ที่ครองราชย์ได้ยาวนานที่สุดของราชวงศ์ Nguyen (ครองราชย์ตั้งแต่ปี 1848-1883 )



โต๊ะหินและแผ่นจารึกซึ่งมีน้ำหนักถึง 20 ตัน ใช้เวลาในการขนย้ายมายังสุสานแห่งนี้ ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ปีระยะทางประมาณ 500 กม.จากเมืองทางตอนเหนือของเวียดนาม และพระองค์ทรงร่างข้อความบนแผ่นจารึกด้วยพระองค์เองค่ะ


ถ้าจะกล่าวถึง จักรพรรดิ์ Tu Duc นั้นตามหลักฐานกล่าวว่าพระองค์มีพระสนมเอก ประมาณ 104 คน ส่วนนางสนมนั้นมีเป็นจำนวนเท่าไรไม่สามารถนับได้ โอแม่เจ้า... แต่พระองค์ไม่มีผู้สืบสกุลเลย เพราะว่าพระองค์เป็นหมันหลังจากที่ทรงพระประชวรเป็นไข้ทรพิษ




สุสานแห่งนี้เนื้อที่กว้างมีสระน้ำ มีวัด Hoa Khiem ซึ่งพระองค์และพระมเหสี Hoang Le Thien Anh ทรงเสื่อมใสศรัทธาตั้งอยู่ที่นี้ด้วย และยังมีบังลังก์สำหรับพระองค์และพระมเหสี มีพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ด้วยค่ะ





โดยสุสานของพระองค์จะตั้งอยู่ส่วนในสุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงการสันนิษฐานเท่านั้น เพราะที่ๆฝังพระวรกายจริงๆ นั้นก็ยังเป็นความลับอยู่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ เพราะในบันทึกได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่ทำการฝังพระวรกายของพระองค์นั้นมีประมาณ 200 คน แต่ทั้งหมดได้ถูกตัดศีรษะ หุหุ..Photobucket





สุสานแห่งนี้ก็มีสภาพสมบูรณ์มาก ถึงจะเก่าไปตามกาลเวลา แต่ก็ถือว่ารักษาไว้ได้ดีคะ ต้นไม้ร่มรื่นมาก นอกจากนั้นในบริเวณสุสานแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่ฝังพระศพของจักรพรรดิ์ Tu Duc เท่านั้น ยังมีพระโอรสที่พระองค์อุปการะเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อ จักรพรรดิ์ Kien Phuc ครองราชย์ 1 ปีเท่านั้น ( ค.ศ. 1883-84 ) และพระมเหสีของพระองค์ด้วยคะ การเดินทางมาที่นี่ นอกจากเรือแล้ว เราต้องต่อมอเตอร์ไซด์จากท่าเรือ เดินทางประมาณ 5-10 นาทีก็ถึงคะ




การเข้าชมก็เสียค่าเข้าชมก็ 55,000 ดอง สำหรับทัวร์ก็สามารถติดต่อได้ที่เกสต์เฮ้าส์เลยนะคะ เพราะแอบถามมา 2-3 ที่มีเหมือนกันเลย ส่วนเรือสวยๆ ข้างบนนั้น ก็คือ เรือที่เดินทางมาชมสุสานคะ ทริปนี้เปรี้ยวเที่ยวกับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ ประมาณ 30 คนน่าจะได้ ก็ประหยัดไปอีก อิอิ