สปป.ลาวกับวันนี้ที่เปลี่ยนไป ตอนที่ 2 ; Wat Si Saket, Vientiane Laos.

เปรี้ยวมาเที่ยวลาวครั้งนี้ก็ไม่ลืมที่จะมาวัดสีสะเกศที่เคยมาเมื่อปีที่แล้ว เดินตามถนนล้านช้าง ถนนสายหลักที่มุงตรงไปยังหอคำ แล้วก็เลี้ยวซ้ายก็จะเจอวัดสีสะเกศ เปรี้ยวใช้เวลาเดินจากที่พักประมาณ 10 นาที เปรี้ยวเอาข้อมูลเก่าที่เคยโพสต์ไว้มาเสริมด้วยนะคะ




ด้านหน้าวัดคะ ถนนหน้าวัดสีสะเกศสร้างเสร็จแล้ว เป็นถนนสายมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดคนละ 20 บ.

วัดสีสะเกศ หรือ วัดศรีสะเกษเป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของลาวและไทย สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1818 โดยเจ้าอนุวงศ์ ที่คนไทยรู้จัก หรืออีกชื่อคือ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของลาวคะ และนับว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในเวียงจันทร์
ลักษณะตัวอาคารต่างๆ มีความคล้ายคลึงกับของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเรื่องเล่าว่าเจ้าอนุวงศ์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาโดยตลอด และพระองค์ทรงเสด็จมาศึกษาเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทาส ศิลปะวัฒนธรรม และนำมาปรับปรุงประยุกต์ใช้ในเวียงจันทร์ ภายหลังวัดได้รับความเสียหายจากศึกระหว่างไทยและลาว หรือที่เราทราบกันดีว่าศึกครั้งนั้นเรียกว่า ศึกกบฏเจ้าอนุวงศ์ และต่อมารัฐบาลฝรั่งเศส ก็ได้ทำการบูรณะวัดในราวปี ค.ศ. 1924 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 1930 คะ




รูปเก่าเมื่อปีที่แล้วคะ แต่ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม พระอุโบสถหลังนี้เก่าแก่และดูขลังจริงๆ คะ






วัดสีสะเกด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในลาวและยังเป็นสถานที่เก็บ วัตถุโบราณหลายชิ้น รวมถึงพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่และคุณค่าเป็นอย่างมากเลย




ส่วมุมนี้ก็คือ หอไตร คะ เป็นสถานที่เก็บพระไตรปิฎก สร้างขึ้นในเวลาเดียวกับที่สร้างวัดเลย เค้าเล่าว่าหอไตรเดิมนั้นจะประดับประดาอย่างสวยงามแก้วมีค่า แต่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงเล็กน้อย เพราะถูกมือดี อิอิ ก็สูญหายไปมาก รูปนี้เป็นรูปเก่าที่โพสต์ไว้คะ ตอนที่เปรี้ยวมาในครั้งนี้ หอไตรกำลังอยู่ในช่วงของการบูรณะใหม่คะ



พระพุทธรูป คนไทยเรียกว่า ปางห้ามญาติ คนลาวเรียกว่า ปางห้ามสมุทร และต้องยก 2 มือด้วยถึงจะเป็นปางห้ามสมุทร อันนี้พี่คนลาวที่เจอเค้าบอกมา ต้องขอบคุณมากเลย






Wat Si Saket in Vientiane - Este templo se sienta frente al palacio presidencial. Construido en 1818 por Chao Anou, es Quiz?s tample m?s viejo que todav?a est? de pie en Vientiane.El Chao Anou, qui?n fue educado en el Bangkok.
Wat Si Saket construido en el estilo de Bangkok temprano. Las semejanzas estil?sticas para su propio wats pueden haber motivado a los siameses para ahorrar este monasterio cuando ellos aplastaron la rebeli?n de Chao Anou contra la regla siamesa, aunque ellos destruyeran muchos otros. Los franceses restauraron el templo en 1924 y otra vez en 1930.




จากวัดสีสะเกศ เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นหอพระแก้ว ครั้งนี้เปรี้ยวไม่ได้เข้าไปคะ ก็เลยเอาโพสต์เก่ามาฝากให้หายคิดถึงกรุงเวียงจันทร์

หอพระแก้ว เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาว และเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานที่วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพมหานคร



หอพระแก้วสร้างขึ้นในสมัยของพระไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2108 เพื่อประดิษฐาน พระแก้วมรกตที่พระองค์ได้อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ เพราะพระองค์ต้องเสด็จกลับมาครองอาณาจักรล้านช้าง เพราะพระราชบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ลง ในช่วงทำศึกกับประเทศสยาม





ต่อมาในปีพ.ศ. 2322 นครหลวงเวียงจันทร์ถูกตีแตกโดยกองทัพสยาม สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ทรงอัญเชิญ พระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ สามารถดูที่ลิ๊งค์ที่เปรี้ยวเคยโพสต์ไว้ได้ที่ วัดพระแก้ว




หอพระแก้ว ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-12.00 และ 13.00-16.00 เสียค่าปี้ (ตั๋ว) อีกแล้วจ้า ปัจจุบันหอพระแก้วก็เปิดเป็นที่แสดงพระพุทธรูปโบราณ รวมถึงวัตถุโบราณ หลายชิ้น





Haw Pha Kaew-el templo fue al principio construido en 1565 por la orden del Rey Setthathirat, que en el heredamiento del trono Lan Xang movi? la capital de Lan Xang a Vientiane y trajo de Lanna a llamado Emerald Buda.

Emerald Buda - Pha Kaew en Lai quiere decir a Jewel Buda Image.
Wat Pha Kaew fue construido para alojar esta imagen y servir como el lugar de culto personal de Setthathirat.

Despu?s de escaramuza con el Lao en 1779,los siameses robaron a Emerald Buda e instalarlo en Bangkok. M?s tarde, durante la guerra Saimese-Lao de 1828, Wat Pha Kaew fue arrasado.

Entre 1936-1942 el templo fue reconstruido, supuestamente despu?s de plan original exactamente.

( Wat Pha Kaew in Bangkok )




2 comments:

  1. Buddhism is an interesting religion. The absence of materialism and the search for Nirvana, no feelings, good and bad!

    Very interesting indeed!

    Regards.

    Alírio

    ReplyDelete