สปป.ลาวกับวันนี้ที่เปลี่ยนไป ตอนที่ 3 : Vientiane, Laos.

กรุงเวียงจันทร์กับวันนี้ที่เปรี้ยวมองเห็นเปลี่ยนแปลงไปบ้าง วันนี้เริ่มต้นเดินจากโรงแรมไปตลาดเช้าประมาณสายๆ เพราะนัดเจอกับเพื่อนคนลาวซึ่งทำอาชีพค้าขายของเก่าที่ตลาดเช้า ตอนที่เรามาถึงอาคารตลาดเช้ามอลล์ที่เริ่มต้นสร้างประมาณปีที่แล้วยังสร้างไม่เสร็จ อาคารหลังเก่าที่อยู่ด้านหลังยังเหมือนเดิม ส่วนอาคารด้านตรงข้ามไปรษณีย์เสร็จสมบูรณ์ เปิดใช้เรียบร้อย ผู้คนยังเยอะเหมือนเดิมทั้งคนไทยและคนลาว สินค้ายังเยอะเหมือนเดิมคะ




มุมนี้เปรี้ยวเคยถ่ายรูปไว้เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว ด้านหน้าที่เป็นตัวเลขนั้น เค้าเริ่ม countdown วันที่เปรี้ยวมาเหลืออีก 246 วัน ที่นครหลวงเวียงจันทร์ครบรอบ 450 ปีคะ



ประตูชัย ที่ใครได้มาก็ต้องมาถ่ายรูป ประตูชัยตั้งอยู่บนถนนล้านช้างคะ เป็นอนุสรณ์แก่ประชาชนชาวลาวที่เสียชีวิตในการต่อสู้ปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างก็คือ อุปกรณ์ที่อเมริกาต้องการจะมาสร้างรันเวย์ในเวียงจันทร์ เมื่อครั้งที่มีสงครามอินโดจีน แต่ยังไม่ทันจะได้สร้าง อเมริกาก็แพ้สงครามไปซะก่อน จึงได้นำอุปกรณ์ทั้งหมดมาสร้างประตูชัยแทน สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512



จากนั้นเปรี้ยวเดินไปริมโขง หวังว่าจะได้เก็บภาพสวยๆ ยามเย็นริมฝั่งโขง แต่สภาพกลับเป็นอย่างที่เห็น ถมดินเข้าไปในแม่น้ำ ฝุ่นตลบ มองเห็นแม่น้ำโขงไหลเอื่อยๆ อยู่ไกลๆ แม่น้ำโขงไม่เหมือนอย่างที่เปรี้ยวเห็นเมื่อ 2-3 ปีก่อนอีกแล้ว ก่อนมาดูข่าวเรื่องวิกฤตแม่น้ำโขง แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นถึงขนาดนี้




มุมพักผ่อนริมฝั่งโขงทั้งชาวลาว และนักท่องเที่ยวนั่งรับประทานอาหาร จากเมื่อก่อนที่จะเป็นแพยื่นไปในแม่น้ำ ตอนนี้มีแต่ดินกับฝุ่น เห็นแล้วก็คิดได้ว่าที่เคยได้ยินมาว่ามนุษย์นั้นมักจะเป็นผู้ทำลายธรรมชาติ พอเห็นแล้วก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษามีน้อยกว่าทำลาย......




ขากลับกะว่าจะแวะเยี่ยมเพื่อนชาวลาวอีกคน ที่เปรี้ยวมักจะมาคุยกับคุณลุงทุกครั้งที่เปรี้ยวมาลาว เที่ยวนี้ก็เช่นเดิมกะว่าจะทักทายเพื่อนเก่าต่างวัยของเรา แต่ก็ได้รับคำตอบว่าคุณลุงเสียชีวิตไปเมื่อ 7-8 เดือนที่แล้ว เป็นข่าวที่น่าใจหาย ภาพนี้เปรี้ยวถ่ายรูปไว้เมื่อ 3 ปีก่อน คุณลุงเป็นคนลาวที่ต่อสู้ชีวิตในต่างแดน พูดได้ 3 ภาษา คือ ไทย รัสเซีย และ ฝรั่งเศส ทุกครั้งที่คุยกัน คุณลุงมีเรื่องเล่าสนุกให้ฟัง กับครั้งนี้ที่ไปน่าเสียใจที่จะไม่ได้คุยกับเพื่อนคนนี้อีกต่อไปแล้ว
สปป.ลาว ปี 2010 เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ T_T


สปป.ลาวกับวันนี้ที่เปลี่ยนไป ตอนที่ 2 ; Wat Si Saket, Vientiane Laos.

เปรี้ยวมาเที่ยวลาวครั้งนี้ก็ไม่ลืมที่จะมาวัดสีสะเกศที่เคยมาเมื่อปีที่แล้ว เดินตามถนนล้านช้าง ถนนสายหลักที่มุงตรงไปยังหอคำ แล้วก็เลี้ยวซ้ายก็จะเจอวัดสีสะเกศ เปรี้ยวใช้เวลาเดินจากที่พักประมาณ 10 นาที เปรี้ยวเอาข้อมูลเก่าที่เคยโพสต์ไว้มาเสริมด้วยนะคะ




ด้านหน้าวัดคะ ถนนหน้าวัดสีสะเกศสร้างเสร็จแล้ว เป็นถนนสายมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดคนละ 20 บ.

วัดสีสะเกศ หรือ วัดศรีสะเกษเป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของลาวและไทย สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1818 โดยเจ้าอนุวงศ์ ที่คนไทยรู้จัก หรืออีกชื่อคือ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของลาวคะ และนับว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในเวียงจันทร์
ลักษณะตัวอาคารต่างๆ มีความคล้ายคลึงกับของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเรื่องเล่าว่าเจ้าอนุวงศ์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาโดยตลอด และพระองค์ทรงเสด็จมาศึกษาเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทาส ศิลปะวัฒนธรรม และนำมาปรับปรุงประยุกต์ใช้ในเวียงจันทร์ ภายหลังวัดได้รับความเสียหายจากศึกระหว่างไทยและลาว หรือที่เราทราบกันดีว่าศึกครั้งนั้นเรียกว่า ศึกกบฏเจ้าอนุวงศ์ และต่อมารัฐบาลฝรั่งเศส ก็ได้ทำการบูรณะวัดในราวปี ค.ศ. 1924 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 1930 คะ




รูปเก่าเมื่อปีที่แล้วคะ แต่ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม พระอุโบสถหลังนี้เก่าแก่และดูขลังจริงๆ คะ






วัดสีสะเกด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในลาวและยังเป็นสถานที่เก็บ วัตถุโบราณหลายชิ้น รวมถึงพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่และคุณค่าเป็นอย่างมากเลย




ส่วมุมนี้ก็คือ หอไตร คะ เป็นสถานที่เก็บพระไตรปิฎก สร้างขึ้นในเวลาเดียวกับที่สร้างวัดเลย เค้าเล่าว่าหอไตรเดิมนั้นจะประดับประดาอย่างสวยงามแก้วมีค่า แต่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงเล็กน้อย เพราะถูกมือดี อิอิ ก็สูญหายไปมาก รูปนี้เป็นรูปเก่าที่โพสต์ไว้คะ ตอนที่เปรี้ยวมาในครั้งนี้ หอไตรกำลังอยู่ในช่วงของการบูรณะใหม่คะ



พระพุทธรูป คนไทยเรียกว่า ปางห้ามญาติ คนลาวเรียกว่า ปางห้ามสมุทร และต้องยก 2 มือด้วยถึงจะเป็นปางห้ามสมุทร อันนี้พี่คนลาวที่เจอเค้าบอกมา ต้องขอบคุณมากเลย






Wat Si Saket in Vientiane - Este templo se sienta frente al palacio presidencial. Construido en 1818 por Chao Anou, es Quiz?s tample m?s viejo que todav?a est? de pie en Vientiane.El Chao Anou, qui?n fue educado en el Bangkok.
Wat Si Saket construido en el estilo de Bangkok temprano. Las semejanzas estil?sticas para su propio wats pueden haber motivado a los siameses para ahorrar este monasterio cuando ellos aplastaron la rebeli?n de Chao Anou contra la regla siamesa, aunque ellos destruyeran muchos otros. Los franceses restauraron el templo en 1924 y otra vez en 1930.




จากวัดสีสะเกศ เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นหอพระแก้ว ครั้งนี้เปรี้ยวไม่ได้เข้าไปคะ ก็เลยเอาโพสต์เก่ามาฝากให้หายคิดถึงกรุงเวียงจันทร์

หอพระแก้ว เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาว และเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานที่วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพมหานคร



หอพระแก้วสร้างขึ้นในสมัยของพระไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2108 เพื่อประดิษฐาน พระแก้วมรกตที่พระองค์ได้อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ เพราะพระองค์ต้องเสด็จกลับมาครองอาณาจักรล้านช้าง เพราะพระราชบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ลง ในช่วงทำศึกกับประเทศสยาม





ต่อมาในปีพ.ศ. 2322 นครหลวงเวียงจันทร์ถูกตีแตกโดยกองทัพสยาม สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ทรงอัญเชิญ พระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ สามารถดูที่ลิ๊งค์ที่เปรี้ยวเคยโพสต์ไว้ได้ที่ วัดพระแก้ว




หอพระแก้ว ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00-12.00 และ 13.00-16.00 เสียค่าปี้ (ตั๋ว) อีกแล้วจ้า ปัจจุบันหอพระแก้วก็เปิดเป็นที่แสดงพระพุทธรูปโบราณ รวมถึงวัตถุโบราณ หลายชิ้น





Haw Pha Kaew-el templo fue al principio construido en 1565 por la orden del Rey Setthathirat, que en el heredamiento del trono Lan Xang movi? la capital de Lan Xang a Vientiane y trajo de Lanna a llamado Emerald Buda.

Emerald Buda - Pha Kaew en Lai quiere decir a Jewel Buda Image.
Wat Pha Kaew fue construido para alojar esta imagen y servir como el lugar de culto personal de Setthathirat.

Despu?s de escaramuza con el Lao en 1779,los siameses robaron a Emerald Buda e instalarlo en Bangkok. M?s tarde, durante la guerra Saimese-Lao de 1828, Wat Pha Kaew fue arrasado.

Entre 1936-1942 el templo fue reconstruido, supuestamente despu?s de plan original exactamente.

( Wat Pha Kaew in Bangkok )




สปป.ลาว กับวันนี้ที่เปลี่ยนไป : Vientiane, Laos.

ไปลาวอีกแล้วจ้า การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่นานคะ เป็นการเดินทางในช่วงเวลาสั้นๆ ลาวเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเลย หลังจากมีการจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่นี่ เปรี้ยวเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถปรับอากาศชั้น 1 กรุงเทพฯ - หนองคาย นั่งจากสนามบินสุวรรณภูมิคะเวลา 2 ทุ่ม ถึง หนองคายประมาณ 6.30 น. ก็นั่งรถจัมโบ้ หรือ รถตุ๊กๆ ค่าโดยสาร 50 บ. ต่อแล้วไม่ลดเลย อิอิ ไปที่ด่าน แต่จริงๆแล้วจะรอรถประจำทางระหว่างประเทศก็ได้คะ ค่าโดยสาร 50 บ. ถูกกว่าเยอะเลย แต่เปรี้ยวไม่อยากรอคะ จากฝั่งไทยนั่งรถไป 20 บ. ไปฝั่งลาวเสียค่าธรรมเนียมผ่านด่าน 15 บ. ปกติ 10 บ.คะ แต่วันที่ไปถึงเป็นวันเสาร์ก็เลยเสียเพิ่ม 5 บ. ( วันเสาร์- อาทิตย์ เสียเพิ่ม 5 บ. )

เปรี้ยวมาถึงเวียงจันทร์ประมาณ 9 โมงเช้า ค่ารถจากด่านฝั่งลาวค่าโดยสาร 50 บ. ส่งที่โรงแรมแสงพระจันทร์ ถนนล้านช้าง ค่าที่พักคืนละ 600 บ. ประมาณบ่าย 3 โมงก็เดินจากโรงแรมไปริมแม่น้ำโขง


เดินผ่านมา โอะๆๆ พี่เค้ากำลังทำป้าย ธนาคารนี้คุ้นๆ เปล่าคะ ที่สังเกตเห็นอีกอย่างก็จะเป็นธนาคารที่ตั้งใหม่ที่นครหลวงเวียงจันทร์ จะมีธนาคารของไทยหลายแห่งเลยคะ เปรี้ยวเดินไปริมโขงใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็เดินเล่นสักพัก ก่อนจะหาอาหารมื้อเย็น ที่ริมโขงมีตลาดมืดขนาดย่อมๆ ขายของที่ระลึกของลาว ได้กระเป๋า 1 ใบราคา 100 บ. แต่ว่า made of Vietnam หุหุ...เป็นกระเป๋าม้งสวยๆ ผ้าไหมลาวก็สวยคะ สาวนักช้อประวังกระเป๋าให้ดี ของสวยเยอะเลย




โรตีกล้วยอร่อยมาก ราคา 7000 กีบ ( 1 บ. = 259 กีบ) ประมาณ 30 บ. สอบถามประวัติแล้วก็รู้ว่าเป็นคนอินเดียใต้ ย้ายจากเชไนมาอยู่ลาวได้ 8 ปีแล้ว ร้านโรตีแห่งนี้ก็อยู่ตรงหน้าร้านอาหารอินเดีย อยู่ริมโขง หาง่ายคะ มีโอกาสมาก็มาลองชิมดูนะคะ ความเจริญก้าวหน้าของลาวที่เกิดขึ้นอย่างมาก ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เปรี้ยวได้รู้ว่า คนเราใช้เงินวัดความเจริญก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด อาหารง่ายๆ ราคาประหยัดอย่างเฝอ ตอนนี้ชามละ 50 บ.คะ นี้อาจเป็นราคาของนักท่องเที่ยว แต่ถามจากคนลาว ข้าวของก็ราคาแพงขึ้นมากเหมือนกัน


ตลาดมืดที่ริมโขง เวียงจันทร์





ส่วนร้านนี้คุ้นใช่ไม๊? คะ เป็นแฟรนด์ชายน์ของทรูคะ ค่าอินเตอร์เน็ต ชม.ละ 8000 กีบ ถ้าเป็น WiFi 10000 กีบ
ช่วงที่เปรี้ยวไปลาวครั้งนี้สังเกตว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะกว่าแต่ก่อนที่เปรี้ยวไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วร้านค้า อาคารใหม่ๆ รวมถึงเก็สต์เฮ้าส์ก็เปิดใหม่เยอะมาก ตอนค่ำถนนหลายสายเป็นแห่งของนักท่องเที่ยว คล้ายๆ ถนนข้าวสารบ้านเรายังไงยังงั้น แม้ว่านักท่องเที่ยว อาจไม่มากเท่าแต่ก็ใกล้เคียงเป็นไงคะกับประเทศลาวแห่งปี 2010

เยือนเมืองเชียงใหม่ เมืองเหนือที่ใครๆ ก็หลงใหล : Wat Chedi Luang Chiang Mai, Thailand.

ก่อนกลับกรุงเทพฯ เปรี้ยวถือโอกาสแวะเที่ยวเชียงใหม่ซะเลย จากน่านไปเชียงใหม่เดินทางด้วยรถทัวร์ ใช้เวลา 5 ชม. ค่ารถ 265 บ. เปรี้ยวมาถึงเชียงใหม่บ่ายแก่ๆ แวะทักทายเพื่อนเก่าที่ประตูท่าแพ วันที่เปรี้ยวไปถึงเชียงใหม่เป็นวันเสาร์คะ มีถนนคนเดินด้วยด้านฝั่งถนนท่าแพ ส่วนวันอาทิตย์ก็จะย้ายไปจัดฝั่งตรงข้าม ของสวยๆ เพียบเลย ชอบมากๆ



เชียงใหม่เป็นเมืองแปลกมากๆ เปรี้ยวว่านะ จะด้วยอากาศหรือว่าผู้คน หรือด้วยอะไรหนอทุกมุมเมืองดูสวยไปหมด เปรี้ยวจึงไม่แปลกใจเลยว่าทั้งคนไทยเองและชาวต่างชาติ ต่างก็ชอบในเมืองนี้



เปรี้ยวเดินดูของได้สักพัก ก็เดินข้ามฝั่งมาวัดเจดีย์หลวง วัดที่เก่าแก่ในเมืองเชียงใหม่เลยนะเจ้า วัดเจดีย์หลวงไม่ปรากฏแน่นอนว่าสร้างในปีใด แต่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงค์มังราย

การก่อสร้างเป็นแบบล้านนาแท้ๆ เหตุที่สร้างวัดก็เนื่องด้วยพระเจ้าแสนเมืองมาต้องการสร้างเจดีย์หลวงถวายพระราชบิดาที่ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่วัดก็ไม่ทันจะสร้างได้เสร็จ พระเจ้าแสนเมืองมาก็สิ้นพระชนม์ และหลังจากนั้นพระมเหสีของพระองค์จึงทรงเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างต่อ จนสร้างวัดได้สำเร็จ


เจดีย์หลวงเหลือเพียงครึ่งเดียว เพราะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2088 ยอดเจดีย์จึงหักลงมา แต่ถ้ายอดเจดีย์ไม่หัก เจดีย์จะต้องมีขนาดใหญ่มากๆ วัดเจดีย์หลวงเป็นวัดที่มีความสำคัญคู่เมืองเชียงใหม่มาช้านาน ในสมัยโบราณก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ซึ่งในสมัยนั้นพระเจ้าเมืองแก้วเป็นผู้ทรงโปรดให้สร้างหอพระแก้วและอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้คะ น่าเสียดายที่เปรี้ยวมีเวลาน้อยไปหน่อย เลยเที่ยวดูเมืองได้ไม่กี่แห่ง

พระนอนประดิษฐานที่พระอุโบสถด้านหลังพระเจดีย์หลวง




เปรี้ยวเดินได้สักพักก็เริ่มค่ำ ได้เวลาต้องกลับแล้ว ไว้คราวหน้าได้ไปเชียงใหม่อีกจะแวะไปเที่ยวที่อื่นอีก ครั้งนี้เที่ยวได้แป๊บเดียวเองนะเนี่ย น่าเสียดาย ;)

เที่ยววัดคู่บ้านคู่เมืองน่าน : Wat Phra That Chae Haeng, Nan

วันนี้เอาทริปเดินเที่ยววัดพระธาตุแช่แห้งมาฝาก เปรี้ยวได้มีโอกาสมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มาก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่มา เปรี้ยวมาถึงที่นี้ ตอนบ่ายแก่ๆ คนไม่ค่อยมีแล้ว เดินเข้ามากราบพระธาตุก่อน เจดีย์สีทองที่ไม่เคยเปลี่ยนเหมือน 10 กว่าปีก่อนเปรี้ยวเคยมาเดินที่นี่กับพ่อ วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิม มีแต่เปรี้ยวที่เปลี่ยน คือ แก่ขึ้น หุหุ..ไม่อยากจะคิด


วิหารหลังนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปอุ่นเมือง วิหารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่คู่วัดแห่งนี้มาช้านาน



องค์พระธาตุแช่แห้ง เป็นอนุสรณ์แสดงความสัมพันธ์อันดี ระหว่างเมืองน่านและเมืองสุโขทัย พระธาตุสร้างขึ้นแบบล้านนา มีฐานกว้างด้านละ 22.5 เมตร และเจดีย์มีความสูง 55.5 เมตร ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสุโขทัย



พระเจ้าทันใจ เชื่อว่าถ้าใครอธิษฐานขอสิ่งใดก็จะได้สมหวัง ตามที่ขอ แต่สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ เราจะต้องเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคนดี เปรี้ยวเชื่อว่าหากเราทำในส่วนของเราได้อย่างไม่บกพร่อง รับรองว่าต้องได้อย่างที่มุ่งหวังไว้อย่างแน่นอน



เป็นไงบ้างคะ วัดเก่าแก่ หวังว่าคงชอบกัน ถ้าใครมีโอกาสมาอีกก็ขอเชิญเลยนะคะ ด้านหน้าวัดจะมีบันไดพญานาค 2 องค์ และยังมีวิหารพระนอนของเก่าคู่วัดอีกด้วย แต่เปรี้ยวหารูปไม่เจอ เลยมีรูปมาฝากแค่นี้นะคะ ยังไงอยากให้ลองมาเที่ยวกัน น่านจังหวัดเล็กๆ และเงียบสงบ



เยี่ยมหอศิลป์ริมน่าน : Nan Riverside Gallery, Nan

เปรี้ยวกลับไปน่านอีกครั้ง ครั้งนี้ไปนานหลายวัน ได้รู้และเห็นน่านมากขึ้นและเริ่มมีความคิดที่จริงจังมากขึ้นที่จะย้ายมาอยู่ที่จ.น่าน ครั้งนี้ขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบๆ เมืองดู เปรี้ยวขี่มอเตอร์ไซด์ไปทางทิศเหนือใช้เส้นทางที่เชื่อมระหว่างน่านและประเทศลาว ขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกเมืองประมาณ 20 กม. ก็เจอกับหอศิลป์ริมน่าน เสียค่าเข้าชม 20 บ.เป็นที่ๆ สวยมาก ตอนแรกแปลกใจว่าทำไมใช้ชื่อนี้ จนกระทั่งมาได้คำตอบว่ามีแม่น้ำน่านไหลผ่านที่นี่ ทำให้ชอบที่นี่มากขึ้นอีก


แม่น้ำน่าน

ที่นี่ก็มีส่วนจัดแสดงหลายส่วน แต่เปรี้ยวเอามาฝากแค่บางส่วนนะคะ งานที่แสดงก็จะมีภาพเขียนและงานเซรามิกของศิลปินหลายท่าน

บ้านหลังนี้เปรี้ยวชอบ อิอิ ออกแนวส่วนตัว สร้างด้วยไม้เก่าทั้งหลัง ด้านในจัดแสดงผลงานสวยๆ ทั้งน้าน เห็นแล้ว อยากได้...








สังเกตดูเพดานจะเป็นตะกร้าสานใบใหญ่ เก๋ไก๋มากๆ



อีกด้านจะเป็นอาคารหลังใหญ่ โชว์ภาพวาดสวยๆ


ที่นี่ก็เงียบๆ บริเวณแกลอรี่มีต้นไม้ยืนต้น สวยมาก ใครที่มีแพลนว่าจะเที่ยวน่าน เปรี้ยวฝากที่นี่ไว้อีกทีนะคะ อาจจะชอบเหมือนกันกับเปรี้ยว