พักผ่อนบาหลีที่ชายหาดกูตา : Kuta, Bali.

การเดินทางเริ่มต้นอย่างฉุกละหุก ลืมโน่นลืมนี่จนน่าปวดหัว เตรียมตัวเรียบร้อยนั่งรอรถแท็กซี่จากศูนย์ 1681 ที่หน้าบ้าน เวลาดีตี 5.00 พอดิบพอดี เมื่อรถแท็กซี่มาถึงก็ขนข้าวของขึ้นรถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ก็เหมือนเดิมคะ ไทยแอร์เอเซีย เมื่อจัดการเช็คอินเรียบร้อยก็เดินเข้ามาด้านใน มีแสงไฟสลัวได้บรรยากาศน่ากลัวอีกแบบ ยังไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากเท่าไร เที่ยวบินนี้คือ กรุงเทพ-บาหลี เวลา 7.30 น. นั่งหลับสักพักก็ได้เวลาเดินทาง สภาพอากาศโอเคใช้ได้


นั่งเครื่องมาถึงบาหลีเวลาน่าจะประมาณ 11.30 น. เปรี้ยวลืมดูเวลาไปซะสนิทเลยคะ ปรับเวลาที่นาฬิกาเรียบร้อยตั้งแต่กรุงเทพ เวลาที่บาหลีเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชม. จากนั้นก็เดินทางไปชายหาดกูตา ( Kuta ) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเพื่อหาที่พัก ที่พักที่บาหลีไม่ต้องห่วงเลยคะมีเยอแยะ เปรี้ยวไม่ได้ทำการจองล่วงหน้าใดๆ เดินหาเอาเอง

Kuta ก็เป็นชายหาดที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากหาดนึงบนเกาะบาหลี นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่นิยมมาเล่น surf กันคะ แต่สำหรับเปรี้ยวแล้วไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่เพราะออกจะพลุกพล่านมากไปหน่อย

ภาพไม่ค่อยสวยคะ อากาศไม่ค่อยดี


นั่งดูเค้าเล่น surf อาจเล่นเป็นมั้งจัง


ยืนยันได้ว่า surf เป็นที่นิยมขนาดไหน ขนาดแมคโดนัลด์ยังเล่นเลยคะ เก๋ไก๋ใช่เล่น


กูตายามค่ำคืน จากกูตาก็สามารถเดินทางยัง Pura Luhur Uluwatu ที่เปรี้ยวเดินทางไปเมื่อปีที่แล้วคะ

วันพักผ่อนอีกวันนึงที่อบอวลไปด้วยกลิ่นบุญ : Help People In Haiti.

วันนี้ก็ไปเดินเที่ยวตลาดนัดสวนจตุจักรตามแบบฉบับขาประจำ เดินเหมือนเป็นเจ้าของตลาด ไปไม่รู้จักเบื่อเลย และวันนี้หนูเปรี้ยวก็เดินซะเหนื่อย หลังจากที่ละลายทรัพย์ในกระเป๋าจนสำราญใจ เปรี้ยวก็เดินไปทานข้าวคะ ได้ยินเสียงดังๆ พูดถึงการขอเงินบริจาคเพื่อจะนำเงินไปซื้อข้าวแก่ผู้ประสบภัยที่ประเทศเฮติ มองไกลๆ เห็นพระนั่งอยู่เพื่อขอรับบริจาค สังเกตว่าเอ้..เคยเห็นพระองค์นี้ที่ไหน? สุดท้ายก็มาถึงบางอ้อ ว่าท่านคือเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทน้ำพุ ซึ่งหลวงพ่อท่านได้ช่วยเหลือผู้คนที่ไร้ที่พึ่งมากมาย หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปบริจาคเงินกับหลวงพ่อด้วยคะ พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ประเทศเฮติก็ยิ่งสงสารต่อชะตากรรมของผู้ประสบภัย เปรี้ยวเห็นคนที่เดินผ่านไปมาก็จะแวะมาบริจาคเงินให้หลวงพ่อเพื่อการช่วยเหลือในครั้งนี้ ก็มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคะ น่าปลื้มใจที่พอถึงเวลาคับขัน ทุกคนก็ไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหนช่วยเหลือกันได้หมด อืม..ดีจัง สุดท้ายก็ช่วยๆ กันนะคะ ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่ตกทุกข์ได้ยาก มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก แล้วแต่กำลังและความสามารถของแต่ละคนคะ



เที่ยวเยาวราชแวะไหว้พระที่วัดมังกรฯ ; Wat Mangkon Kamalawat, Chinatown Bangkok.

เปรี้ยวได้เดินเที่ยวที่เยาวราชอีกครั้ง หลังจากที่ไหว้พระที่วัดไตรมิตรฯ เรียบร้อยแล้วก็เดินมาหาอาหารรองท้อง ก่อนเดินไปวัดต่อไป หุหุ... วันที่เปรี้ยวไปเป็นวันจันทร์คะ แต่ผู้คนบนถนนเยาวราชก็คับคั่งพอๆ กับรถบนถนนเลย เปรี้ยวเดินผ่านวัดเจ้าแม่กวนอิมมา ก็แวะมาทานต้มเลือดหมูเจ้าอร่อย




My lunch at Chinatown.

จากนั้นต่อด้วยเต้าส่วน อร่อยมากเลย พูดถึงแล้วคราวหน้าต้องแวะไปอีก จะไม่ให้อ้วนได้ไงเนี่ย!!!!!

เดินต่อมาใกล้ถึงวัดมังกรฯ ของขายเยอะมากๆ ทางเดินแคบมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่ามาเยาวราชแล้วได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ หุหุ..





โดยส่วนตัวไม่เคยมาวัดมังกรฯ เลยคะ เพื่อนชวนมาก็มากะเค้าซะหน่อย แม่เจ้า...ควันธูปโขมงเต็มวัด ที่วัดแห่งนี้ได้รับความเสื่อมใสเป็นอย่างมาก จากทั้งชาวไทยและชาวจีนในย่านเยาวราช และน่าจะมาจากที่อื่นด้วยคะ แต่เปรี้ยวก็พึ่งมารู้จัก ก็วันที่ไปนี่เองคะ ก็ไหว้อย่างทุลักทุเลเพราะต้องระวังกล้องแล้วยังต้องระวังกระเป๋าสตางค์อีก คนเยอะมากคะ อุปกรณ์ในการไหว้ก็ชุดละ 40 บ.คะ มีธูปน่าจะประมาณ 12 ดอก เทียนสีแดง 2 เล่ม น้ำมัน 1 ขวด


ก็ไหว้ไม่เป็น ก็ถามเค้าไปเรื่อย อิอิ..หลังจากนั้นเปรี้ยวก็น้ำตาไหลพราก ไม่ใช่ด้วยความซาบซึ้งใจแต่อย่างใด แต่ควันธูปที่มันเยอะมาก ลืมตาไม่ได้ ถ่ายรูปไม่ได้ ขี้มูกไหล น่าเกลียดสุดๆ ไหว้เสร็จแล้วก็เดินออกมา หุหุ




ลานด้านหน้าวัดคะ


ภายในวัดเป็นบางส่วนเท่านั้นคะ เพราะไม่ให้ถ่ายรูปในบางห้องคะ เสร็จแล้วเปรี้ยวก็เดินมาดูของที่วางขาย เยอะแยะจนเลือกไม่ถูก แต่ของกินอร่อยๆ เยอะมากเลย เปรี้ยวชอบ กลับถึงบ้านได้ แทบไม่ขยับตัวไปไหน เหนื่อย แต่ก็ชอบมากๆ :-)


Wat Mangkon Kamalawat uno de los templos más grandes y más animados del Barrio chino. A lo largo de esta extensión de Charoen Krung camino, las tiendas venden fruta, pasteles, incienso y papel ardiente ritual para ofrecer en el templo.


ไหว้พระทำบุญปีใหม่ : Trimit Witthayaram Temple, China town Bangkok.

ไปไหว้พระมาสดๆ ร้อนๆ เพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ ผ่านมาตั้งหลายวันเพิ่งจะไป หุหุ..วัดแห่งนี้ คือ วัดไตรมิตรวิทยาราม คะ เรามาถึงวัดเกือบ 11 โมง คนไม่มากอย่างที่คิดไว้ เปรี้ยวมาที่วัดแห่งนี้เป็นครั้งแรกด้วยการชักชวนมาทำบุญปีใหม่กับเพื่อนคะ วัดไตรมิตรฯ ก็แค่เดินจากสถานีรถไฟหัวลำโพงแค่นิดเดียวเท่านั้น
วัดไตรมิตรวิทยาราม หรือมีอีกชื่อว่า วัดสามจีน เหตุผลคือมีเรื่องเล่าว่าชาวจีน 3 คนเป็นเพื่อนกันเป็นผู้ก่อตั้งวัด ข้อมูลนี้เปรี้ยวทราบมาจาก วิกิพีเดีย คะ


พระอุโบสถหลังใหญ่ เป็นที่ประดิษฐาน พระสุโขทัยไตรมิตร คุณสามารถเดินขึ้นไปชมได้ โดยที่ด้านหน้าจะมีเจ้าหน้าที่แจกถุงพลาสติก คนละ 1 ใบเพื่อใส่รองเท้าหิ้วขึ้นไปข้างบน กันรองเท้าหาย หุหุ พอลงมาก็อย่าลืมเอาถุงรองเท้าคืนด้วยนะคะ

อุโบสถหลังเก่า ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโตคะ จากนั้นเปรี้ยวก็เดินขึ้นไปไหว้พระที่ศาลาอีกหลัง ก่อนที่จะเดินไปอุโบสถหลังใหม่คะ ชื่อศาลาอะไรเปรี้ยวจำไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ




ไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินมาที่อุโบสถหลังใหม่ เพื่อขึ้นไปกราบพระสุโขทัยไตรมิตรคะ องค์พระเป็นทองคำบริสุทธิ์ องค์ใหญ่มาก ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามดูกว้างขวางและเรียบง่าย


พระสุโขทัยไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างจากทองคำบริสุทธิ์ และถือว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุด หนังสือกินเนสบุ๊คบันทึกไว้คะ เปรี้ยวทราบมาว่าตอนแรกไม่มีใครทราบว่าองค์พระสร้างจากทองคำ แต่ช่วงที่มีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ มีการเคลื่อนย้ายแผ่นปูนที่หุ้มอยู่ภายนอกก็กระเทาะ จึงทำให้เห็นองค์พระทองคำที่อยู่ด้านในคะ





ส่วนเจ้าตัวเล็กก็มาไหว้พระกะเค้าด้วยคะ น่ารักดีเลยขอคุณแม่น้องเค้าถ่ายรูปมา อิอิ สาธุ!!! สุขภาพแข็งแรงนะคะ
Fui con mi amigo . Wat Trimit es indudablemente 5.5 toneladas impresssive, el oro sólido imagen de Buda, que brilla como, bien de oro.

ข้อมูลเพิ่มเติมการเดินทางในเวียดนาม

การเดินทาง

การเดินทางในเมืองจะสะดวก เพราะจะมีทั้งรถสามล้อ และ แท็กซี่มิเตอร์ แต่การเดินทางระหว่างเมืองเปรี้ยวว่าใช้บริการของบริษัททัวร์จองตั๋วให้ จะสะดวกมากกว่าเพราะเปรี้ยวเดินทางเองหมด ค่อนข้างลำบากเพราะต้องรอรถเอง ยืนรออยู่ข้างทางตามถนนเชื่อมเมืองต่างๆ และได้ลองใช้บริการรถบัสจากบริษัทนำเที่ยว 2 ครั้ง สะดวกกว่ากันเยอะเลยคะ



เวียดนาม สามารถเดินทางด้วยรถบัสจากไทยได้ ซื้อตั๋วได้ที่จังหวัดมุกดาหาร จะผ่านประเทศลาวก่อน แล้วก็ผ่านตอนกลางของประเทศ และอีกทางคือ ผ่านเขมรเข้าไปทางเมืองโฮจิมินท์ ก็สะดวก แต่เขมรต้องเสียค่าวีซ่า ยุ่งยากนิดหน่อย เปรี้ยวเคยลองใช้แค่ 2 เส้นทางนี้ ก็สะดวกดีคะ



รถไฟ หุหุ เปรี้ยวใช้บริการแบบธรรมดาทั้งแบบเตียงนอน และ soft seat โอแม่เจ้า.. แบบเตียงนอนถ้ามีถุงนอนช่วยได้เยอะ เพราะที่นอนมีกลิ่น ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ และสถานีรถไฟในเวียดนามไม่ค่อยสะอาด เห็นห้องน้ำครั้งแรก อุ้ย!!ตกใจ ไม่มีคำบรรยาย อิอิ



วีซ่า

คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าอยู่ได้ 30 วัน



การแลกเงิน

เวียดนามใช้เงินสกุล ดอง คะ อัตราแลกเปลี่ยนเปรี้ยวจำไม่ได้ว่าเท่าไร สามารถแลกได้ที่ธนาคาร ส่วนตู้ ATM ก็สะดวกคะ ธนาคารซิตี้แบงค์กดได้มากที่สุด 3 ล้านดองคะ




อินเตอร์เน็ต สะดวกมากคะ หาได้ง่ายมากๆ และแถมเปรี้ยวยังเจอร้านอาหารมี Wi-fi ให้ใช้ฟรี เปรี้ยวใช้บริการทุกวันเลย หุหุ ก็ไม่เร็วมาก แต่ก็ใช้ได้ บางโรงแรมมีให้ใช้ฟรีด้วยคะ อย่างที่เปรี้ยวพักที่เมืองเว้ก็มีให้ใช้ฟรีที่ชั้นล่างของโรงแรม


อาหารเวียดนาม อร่อยหลายอย่าง เฝอ หาทานง่ายสะดวก หุหุ กินประจำ







ข้อคิด อย่าใจร้อนเรื่องเงินนะคะ เปรี้ยวมีบทเรียนเรื่องการจ่ายค่าโรงแรม เค้ากดเครื่องคิดเลขเร็วบวก 10 ดอลล่าร์เพิ่มไปตอนไหนไม่รู้ พอช่วงที่กำลังสงสัยก็ยื่นเงินให้เค้าไป พอแย้งได้ ก็บอกเป็นค่าภาษีเลยคะ ทั้งๆ ที่บอกเราตอนแรกบอกว่าค่าห้องบวก Tax ด้วยนะ เราก็เข้าใจ แต่มาตอนนี้เล่นโกงกันซึ่งๆ หน้าเลย ทำเอาเซ็งเลย เถียงไปก็ไม่ได้คืน เลยทำใจ


ส่วนราคาสินค้า บวกเพิ่มเยอะ ต้องต่อรองดีๆ นะคะ แต่บางร้านก็ดีคะบอกราคาค่อนข้างโอเคกับเรา ต่อรองนิดหน่อยก็ให้



มีมาฝากแค่นี้คะ สำหรับประเทศเวียดนามมีคำถามก็เมล์ถามได้นะคะ มีอะไรตกหล่นต้องขอโทษด้วยนะคะ


แบกเป้เที่ยวเวียดนามตอนจบ : Ho Chi Minh City, Vietnam

เปรี้ยวเดินทางมาถึงเมืองใหญ่ของเวียดนามใต้นั่นคือไซง่อน ( Saigon ) และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโฮจิมินท์ ซิตี้ ( Ho Chi Minh City ) จากการเดินทางที่แสนทุลักทุเลทั้งคืน เปรี้ยวเดินทางจากคิวอออน ตอนเย็น มาถึงโฮจิมินท์ ซิตี้ในตอนเช้า ได้เก้สเฮ้าส์เร็วกว่าที่คิดไว้ หลังจากพักผ่อนเรียบร้อยก็เดินดูเมืองซะหน่อย เพราะเวลาที่เหลือมีจำกัด

เมืองโฮจิมินท์ ซิตี้ หรือ ไซง่อน หลังจากที่ราชวงศ์ Nguyen ล้มสลายก็ตกอยู่ภายในอาณานิคมของฝรั่งเศลในปี พ.ศ. 1859 และถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงภายในการปกครองของฝรั่งเศล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956-1975 และเมื่อเวียดนามรวมกันได้รัฐบาลเวียดนามจึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเมืองโฮจิมินท์ ซิตี้ เมืองโฮจิมินท์ ซิตี้ เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปรี้ยวว่าออกจะดูดีกว่าฮานอยเยอะเลย



Ho Chi Minh City Hall.

ที่แรกที่เดินมาดู คือ The Ho Chi Minh City Hall สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1902-1908 สถาปัตกรรมแบบฝรั่งเศส และตามแพลนที่เค้าต้องการสร้างตึกและเมืองตามแบบฝรั่งเศส แต่ที่นี่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะค่ะ แต่ก็เป็นมุมหนึ่งที่น่าสนใจและมุมสวยของเมืองโฮจิมินท์


Catedral de Notre Dame.

Notre Dame Cathedral สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1877-1883 มุมนี้ก็เป็นอีกมุมที่สวยมาก โบสถ์จะเปิดให้เข้าชม เฉพาะวันอาทิตย์ 9.30 น.เท่านั้นคะ เห็นว่าโบสถ์แห่งนี้ จำลองแบบมาจากของจริงที่ตั้งอยู่ในประเทศฝรั่งเศล สวยดีแต่ถามว่าคล้ายมากไม๊ อันนี้ไม่ทราบยังไม่เคยไปฝรั่งเศล อิอิ



correos en Saigon.

ที่นี่ก็ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับโบสถ์ Notre Damn คะ ภายในก็ตกแต่งได้สวยงาม กว้างขวาง มาลองส่งโปสการ์ดกลับบ้านคะ




เดินมั่วๆ จนใกล้จะเย็นมาก ก็ตัดสินใจว่าจะเดินไปชมพิพิธภัณฑ์สงครามดู เหลือเวลาประมาณ 2 ชม. พิพิธภัณฑ์จะปิด และมองหาทางกลับโรงแรมไปด้วยในตัว กลัวหลง อิอิ



Museo de remanentes de guerra.

พิพิธภัณฑ์สงคราม เป็นที่ๆ เรามาแล้วหดหู่สุด จริงๆ เราไม่ชอบเลย แต่ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นของเราก็เลยมา และก็นึกขอบคุณชีวิตที่เราเกิดในประเทศไทย เป็นประเทศไม่แต่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ภูมิใจที่ได้อาศัยอยู่ที่ประเทศไทย แม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังมาขออาศัยอยู่อีกด้วย





ฝากรูปนี่ไว้เป็นรูปสุดท้ายของทริปนี้คะ เวียดนามเป็นประเทศที่น่าสนใจ แม้ว่าเราได้รับฟังข้อมูลด้านลบ ของคนเวียดนามมาบ้าง และยังมาเจอด้วยตัวเองหลายเรื่อง แต่เวียดนามก็ยังเป็นประเทศที่เปรี้ยวประทับใจมากๆ ในการเดินทาง ก็หยวนๆ บางเรื่องก็ไม่อยากไปจำ หุหุ

พักผ่อนเมืองชายทะเลก่อนกลับบ้าน : Quy Nhon, Vietnam.

เปรี้ยวเดินทางจากฮอยอัน ที่เก้สต์เฮ้าส์จัดการเรื่องรถให้ ออกเดินทางแต่เช้ามาถึงที่เมืองนี้ประมาณบ่าย 2 โมง Quy Nhon ก็เป็นเมืองชายทะเล ผู้คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ตอนเย็นเรือจะจอดเทียบท่าเต็มหาดเลย มีเรื่องเล่าให้ฟังเกี่ยวกับคนเวียดนาม ตอนที่เราถามเรื่องการเดินทางจากพนักงานผู้หญิงที่เก้สต์เฮ้าส์ เค้านั่งคุยกับเราแบบว่ายกเท้าขึ้นมา แบบผู้ชายนั่งเลย นั่งขยับเท้าคุยกับเราแบบสบายๆ เห็นแล้วก็ประหลาดเรื่องมารยาทของคนที่นี่ อยากจะว่าเหมือนกัน แต่ก็คิดอีกที อืม..ช่างเถอะ




ตอนเย็นเดินเล่นริมหาด สวยมากเลยคะ ที่นี่อาหารอร่อย ผู้คนพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เราใช้ภาษาใบ้ตลอดช่วงที่พักอยู่เลย ตอนที่เราซื้อตั๋วรถโดยสารเพื่อไปโฮจิมินท์ ซิตี้ ต้องขอบคุณพี่คนหนึ่งเค้าทำงานที่ไปรษณีย์ค่ะ ช่วยไว้เพราะเค้าเคยไปอยู่รัสเซียมา 12 ปีแต่พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น เราพูดอังกฤษพลางเปิดดิกชั่นนารีเป็นรัสเซีย จนกว่าจะเข้าใจปาไป 2 ชม.เหนื่อยจริงๆ





รูปข้างบนคือ เรือหาปลา คะ รูปร่างประหลาดและเปรี้ยวเห็นเค้าพายแล้ว แปลกไม่เคยเห็นมาก่อน ดูแล้วเหมือนยืนในชาม อิอิ แต่ขอทานเด็กจะเยอะมากเลยค่ะ เราไม่ยอมให้ก็จะนั่งเฝ้าเลย สิ่งที่เราชอบอีกอย่างคือ สวนสาธารณะ คะ เวียดนามไม่ว่าเมืองจะเล็กหรือใหญ่ สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน ออกกำลังกายมีแทบทุกเมืองดีจริงๆ




คุณลุงหาบตะกร้าปูตัวเบ้อเริ่มเลยคะ หาดทรายเป็นทรายหยาบสีส้ม สวยแปลกตา เมืองแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายจากสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันก็มาขึ้นบกที่นี่ และยังมีซากรถถังที่ทหารอเมริกันทิ้งไว้ที่ริมหาดด้วย ตอนเย็นๆ ริมหาด เดินลำบากมากเพราะคุณผู้ชายจะมาเล่นฟุตบอลตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่เลย
เปรี้ยวพักที่เมืองนี้ 2 คืน เติมแรงไว้พร้อมเดินทางไกลต่อไปโฮจิมินท์ ซิตี้