Muchacha en Tailandia: บันทึกการเดินทางแบกเป้ไปอย่างที่ใจเคยฝันไว้ Welcome to my world, my life and my dreams. Bienvenido a mi mundo, mi vida y mis soñar.
ปั่นจักรยานที่อินเล ตอนที่ 2 : Inle By Bike 2, Inle Lake
ปั่นจักรยานที่อินเล ตอนที่ 1 ; Inle By Bike 1.
คันนี้ไง ที่เป็นยานพาหนะของเรา หุหุ ชอบมาก ไม่เคยปั่นจักรยานเก่าแบบนี้มาก่อน ชอบมากคะ เหมื่อนได้ย้อนยุค อิอิ
เปรี้ยวปั่นจักรยานออกจากเมืองราว 1 กม. เพื่อไปที่วัด Shwe Yaunghwe Kyaung เป็นวัดเก่าแก่ที่บ่งบอกความเป้นฉานได้อย่างชัดเจน
ทะเลสาปอินเล ตอนที่ 2 : Inle Lake 2, Myanmar
ทะเลสาปอินเล ตอนที่ 1 : Inle Lake 1, Myanmar.
ทะเลสาปอินเล มีความยาว 22 กม. ความกว้างประมาณ 11 กม. และสูงจากระดับน้ำทะเล 875 เมตร ทะเลสาปมีทัศนียภาพที่สวยงาม ห้อมล้อมด้วยภูเขา น้ำใสสวยมาก
ที่นี่เป็นท่าเรือที่เรากำลังจะไปนั่งเรือคะ ไกด์หนุ่มของเราบอกเราว่าที่นี่มีหมู่บ้านทั้งหมดประมาณ 17 หมู่บ้าน มีทั้งที่อาศัยในทะเลสาปและรวมไปถึงรอบๆทะเลสาป ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นคนอินตา ( Intha ) ซึ่งภาษาและวัฒนธรรมก็ใกล้เคียงกับวัฒนธรรมฉาน ซึ่งเปรี้ยวลองหาข้อมูลในหนังสือ ก็พบว่า คนอินตา อพยพจากทางตอนใต้ของพม่า และมาอาศัยอยู่ที่นี่ ราวศวตรรษที่ 18
พอเรานั่งเรือมาได้สักพัก ภาพที่เห็นคือ ชาวประมงที่กำลังหาปลา แต่การหาของคนที่นี่ เค้าก็มีลีลาที่น่าสนใจมากๆ ดูแล้วก็แปลกดี แปลกตรงที่พายเรือแบบใช้เท้านี้แหละค่ะ ที่ทำให้เปรี้ยวชอบมาก เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน
ส่วนที่น่าสนใจ ก็มีที่บ้านหลังนึง เค้าทำเครื่องประดับเงินคะ ราคาไม่แพง สวยเป็นงานแฮนด์เมด และอีกอย่างก็ คือ ผ้าทอมือที่เปรี้ยวอดใจไม่ได้ เห็นแล้วต้องซื้อ โดยเฉพาะ ลองจี ( longyis )ในภาษาพม่า บ้านเราเรียกว่าโสร่ง หรือ ผ้าถุงคะ แต่ที่ชอบมาก คือ ถ่ายรูปในทะเลสาปอินเล อันนี้แหละที่น่าสนใจที่สุด เดี๋ยวเปรี้ยวจะเอามาฝากครั้งหน้านะคะ
พินดายาเมืองแสนสงบ : Pindaya, Myanmar.
ถ้ำพินดายา ( Pindaya Caves ) เป็นถ้ำหินปูน ซ่อนตัวอยู่ในช่องเขา การเดินทางขึ้นไปที่ถ้ำก็สะดวกสบายจะขึ้นลิฟท์ หรือว่าจะเดินขึ้นก็ได้คะ แต่เปรี้ยวเลือกเดินขึ้นไป เพราะไม่ชอบใช้ลิฟท์ และจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 3 Usd. และค่ากล้อง 300 k ต้องถอดรองเท้ารวมทั้งถุงเท้าด้วย สามารถฝากไว้กับพี่หม่องได้ โดยค่าฝากก็แล้วแต่จิตศรัทธา ภายในถ้ำพินดายามีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำมากกว่า 8000 องค์ และพระพุทธรูปบางองค์มีอายุกว่า 100 ปี ภายในถ้ำมีทางเดินและไฟฟ้าคะเดินสบาย บางแห่งมีน้ำหยดตลอดเวลา พื้นจะลื่นก็ต้องคอยระวัง
พอเปรี้ยวเดินเข้ามาก็ทึ่งมากๆ พระพุทธรูปเยอะมาก สวยมาก สมกับที่เค้าบอกมาว่าต้องมาดู พระพุทธรูปที่ประดิษฐานที่ถ้ำแห่งนี้ ก็มีทั้งคนพม่า และชาวต่างชาติ นำมาถวายกับทางวัด เพื่อนำมาเก็บภายในถ้ำ เปรี้ยวสังเกตดูจะเห็นว่าพระพุทธรูปส่วนใหญ่เป็นปางสมาธิคะ
ระหว่างที่เรากำลังจะไปตลาด ก็เจอกับกลุ่มคนเลี้ยงช้าง เลยถือโอกาสถ่ายรูปซะเลย
เที่ยวเมืองในหมอกที่พม่า : Kalaw, Myanmar
เปรี้ยวมาถึงคาเลาบ่าย 3 โมงเย็น อากาศอึมครึม ดีที่เตรียมเจ็กเก็ตตัวหนามาด้วย พอลงรถได้ก็เห็นมีแขกโพกผ้ามาเรียกว่าจะพักที่ไหน สนใจเทร็กกิ้งไม๊? เราเลยบอกว่าขอปรึกษาเพื่อนก่อน ซึ่งทริปนี้เปรี้ยวก็มีมูส ซานดร้า และเลียวนาสที่เที่ยวด้วยกันตั้งแต่มัณฑะเลย์ เปรี้ยวอยากพักที่อื่น แต่ซานดร้าอยากจะพักที่คุณแขกโพกผ้าเค้าแนะนำ เปรี้ยวเองไม่อยากขัดก็เลยตกลง จริงๆ เพราะเราไม่ค่อยถูกชะตากับคุณแขกเค้าเท่าไร แต่เห็นว่าพักแค่คืนเดียว หลังจากที่เราเก็บสัมภาระเรียบร้อย เราก็ออกเดินไปตลาด แต่จริงๆ เปรี้ยวตั้งใจจะไปเทร็กกิ้งที่นั้น แต่กลับตาลปัตรเพราะร่างกายไม่เอื้อซะแล้ว ( ขี่รถจักรยานที่พุกาม จนปวดขาถ้าขืนไปเทร็กกิ้งต่อ รั้งแต่จะเป็นภาระชาวบ้านเปล่าๆ.. ) ที่ตลาด ผู้คนเยอะ คึกคักดี คนน่ารัก ยิ้มให้เราตลอด ขอถ่ายรูปก็ไม่ว่า เปรี้ยวชอบมากคะ
คาเลา ( Kalaw ) เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบ ตั้งอยู่ในรัฐฉาน ซึ่งสูงจากระดับน้ำ 1320 เมตร สงสัยอากาศจะเย็นตลอดทั้งปีเลย ( ช่วงที่เปรี้ยวพักอยู่ตอนกลางคืนอากาศหนาว ส่วนตอนเช้าอากาศเย็นมีหมอกด้วย ทำให้คิดถึงซาปาที่เวียดนามเลยคะ อากาศคล้ายกัน ) ที่เมืองนี้นอกจากจะมีชาวเขาอาศัยอยู่แล้ว ก็ยังมีทั้งคนฉาน คนพม่า คนอินเดีย มุสลิม และคนเนปาล ส่วนใน 2 กลุ่มหลัง เข้ามาอาศัยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อทำงานให้กับกองทัพอังกฤษ คาเลาเป็นเมืองที่น่าสนใจมาก สำหรับคนที่ต้องการเทร็กกิ้ง เปรี้ยวลองถามราคาแล้ว ก็ไม่ถือว่าแพง แถมยังมีเส้นทางลัดเลาะไปตามภูเขา ดูชาวเขาเผ่าต่างๆ เปรี้ยวเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้เทร็กกิ้ง หาข้อมูลตั้งแต่กรุงเทพฯ สุดท้ายทริปนี้ไม่ได้ดั่งใจ ไป 1 อย่าง หุหุ
ชมพระอาทิตย์ที่ทุ่งเจดีย์ : Old Bagan, Myanmar.
ส่วนทริปที่ 2 เปรี้ยวตื่นตี 4 คะออกจากที่พัก ตี 4.30 น.เปรี้ยวเช่ารถจักรยานจากที่พัก 1000 k ( 30 บ. ) ตอนแรกก็กังวลว่าจะอันตรายรึเปล่า? แต่งานนี้มีมูสและซานดร้ารวมทริปเหมือนเคย เราและคุณเลียวนาสเป็นผู้ตาม ให้มูสและซานดร้านำทาง ปั่นรถจักรยานท่ามกลางความมืด แต่ปรากฎว่าชาวบ้านเค้าตื่นกันบ้างแล้วคะ และมีบางคนเค้าก็เดินกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปทำนา จากที่พักจนถึงเจดีย์ที่เราจะปีนขึ้นไปดูแสงแรกของพระอาทิตย์ ก็ไกลประมาณ 4 กม. แต่ครั้งนี้เปรี้ยวไม่ลืมไฟฉายคะ เตรียมมาอย่างดี พอมาถึงก็ปีนขึ้นไป ได้ยินเสียงคนคุยกันเป็นภาษาไทย โอ.. แม่เจ้ามาก่อนเปรี้ยวอีก หลังจากที่เราทักทายคุยเรื่องการเดินทางกับพี่ๆ คนไทยกลุ่มนั้นเล้ว ก็ได้เวลาถ่ายภาพ
การเดินทางอันยาวนานจากมัณฑะเลย์ถึงพุกาม : Mandalay _ Bagan, Myanmar
เปรี้ยวเดินทางมาถึงพุกามประมาณ บ่าย 3 โมงครึ่ง รถบัสจอดที่ด่านนอกเมือง ชาวต่างชาติเสียค่าธรรมเนียม 10 $ พอถึงที่ท่ารถเราก็ขึ้นรถม้าไปยังที่พัก เปรี้ยวพักที่พุกาม ราคาค่าที่พัก 12 $ ต่อคืน ต้องขอโทษที่เปรี้ยวจำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่าไม่ไกลมากจากท่ารถมากนัก
เปรี้ยวมาถึงที่นี่ก็ประมาณ 1 ทุ่มแล้ว แต่คนพม่าก็ยังมากราบไหว้เจดีย์ชเวสิกองกันไม่ขาดสาย เปรี้ยวเดินรอบๆ ได้สักพักก็เดินกลับ สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ ไฟฉายนะคะ เผื่อใครไปเดินเวลาเย็น เปรี้ยวเองลืมเอาไปด้วยพอเดินออกมาได้สักพัก แบบว่ามืดสนิท เลยทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องความขี้หลงขี้ลืมของเราเอง ชวนให้หงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก