Pura Bukit Sari, Bali

วัดแห่งนี้ก็เป็นวัดแห่งสุดท้ายสำหรับทริปนี้ เปรี้ยวมั่นใจว่ากลับบ้านครั้งนี้ ตั้งใจจะเก็บเงินอีกครั้งเพื่อเดินทางกลับมาที่บาหลีให้ได้ ที่วัดแห่งนี้ก็มีความพิเศษคือ รอบวัดจะเป็นป่าไม้ยืนต้นที่ชาวบ้านช่วยกันรักษาไว้ เพื่อให้ลิงได้อาศัย ที่บาหลีลิงเยอะมากๆ คะที่วัดแห่งนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่เราเสียค่าเข้าชมแล้วจะมีพี่ผู้ชายเดินตาม 1 คน เพื่อไล่ลิง แต่ลิงที่นี้ก็ไม่ทำร้ายนะคะ แต่เปรี้ยวก็กลัวอยู่ดี ผู้ชายที่เดินตามเปรี้ยวเค้าชื่อ อากุง อีกแล้วคะ แปลกใจเค้าไม่ใช้ชื่ออื่นกันบ้างเลยเหรอเนี่ย 55555 เท่าที่ถามมาชื่อ อากุง กับ เดวา ฮิตสุดๆ เจอหลายคนแล้วคะ 55555



สังเกตดูคนบาหลี เค้ามีความสามารถเรื่องงานศิลปะ สังเกตได้จากรูปปั้นทั้งหลาย บาหลีเค้ามีเอกลักษณ์เป็นตัวขอวตัวเองมากๆ




ต้นไม้รอบๆ วัดแห่งนี้ อายุมากที่สุดประมาณ 200 ปี ดีที่เค้าช่วยกันรักษาเอาไว้




















Taman Tirta Gangga ( Water Palace ) , Bali

Taman Tirta Gangga ( Water Place ) ที่นี่ไม่มีพระราชวังหรอกคะ เป็นเพียงสวน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1948 ที่เหลือเพียงแค่สวนเพราะว่าในปี ค.ศ. 1963 ภูเขาไฟอากุงระเบิด ทำให้ที่นี่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เหลือเพียงสวนและสระน้ำเท่านั้นคะ สระน้ำสวย, มีทางเดินกลางน้ำสวยมากคะ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไกลจากอูบุดมาก มุ่งหน้ามาทางเมืองอัมลาพูรา ( Amlapura ) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะบาหลีคะ:))



นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ทุกคนต่างก็ทดลองเดินตามทางเดินเกือบทุกคน เราเลยถือโอกาสเอากะเขาบ้าง หุหุ



ที่นี่ก็เป็นสถานที่พักผ่อน ทั้งสำหรับชาวบาหลีและนักท่องเที่ยวทั่วไป


ขากลับแวะถ่ายรูปนาขั้นบันได ช่วงนี้ข้าวกำลังโตคะ มองไปไกลจะเห็นภูเขาไฟ แค่ครึ่งเดียว เมฆเยอะมาก แต่แปลกแดดแรงมากๆ หนูเปรี้ยวเลยกลายเป็นเปรี้ยวดำ :))


พิธีกรรมชาวบาหลี : Funeral Ubud, Bali

เอาโพสต์นี้มาฝากเพื่อจะได้ไม่เบื่อกันไปซะก่อน เป็นพิธีกรรมที่เปรี้ยวเองไม่เคยเห็นมาก่อน คนบาหลีให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นอย่างมาก ทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย การเกิดคือการเริ่มต้นชีวิต ส่วนการตาย หรือ การเสียชีวิต คือการเริ่มต้นในชาติภพใหม่ คนบาหลีเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่คะ เปรี้ยวว่าจะคล้ายๆกับคนไทย ซึ่งก็ยังมีความเชื่อแบบนี้หลงเหลืออยู่บ้าง วันนี้เปรี้ยวเลยเอาพิธีนี้มาฝาก เป็น งานศพ ของชาวบาหลีคะ เปรี้ยวขออนุญาติเจ้าของงานเรียบร้อยผ่านอากุง เพื่อนชาวบาหลี ซึ่งจริงๆแล้วนักท่องเที่ยวก็เข้ามาดูพิธีกันเยอะเหมือนกันคะ แต่เพื่อมารยาทก็ขอเจ้าของงานซะหน่อย งานเริ่มมาหลายวันแล้ว แต่ทำเป็นการภายใน ส่วนวันนี้เป็นวันสุดท้าย งานเริ่มประมาณ 10 โมงเช้า




ภาพนี้เป็นนักบวชคะ กำลังจะเริ่มพิธีเคลื่อนย้ายศพ เพื่อไปไว้ที่ลานพิธี ผู้ตายเป็นผู้ชายคะ และเค้าเสียชีวิตได้ 3 ปีแล้ว แต่ญาติไม่พร้อมเรื่องการเงิน จึงฝังร่างเอาไว้ก่อน เมื่อพร้อมก็ขุดศพขึ้นมาทำพิธีเผาไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 3 วัน ส่วนวันนี้เป็นเหมือนวันทำบุญให้คะ แต่การฝังร่างไว้


อากุงบอกว่า " ประมาณ 3-5 ปี แต่ถ้าครอบครัวไหนพร้อมจะทำในคราวเดียวเลยก็ได้ คือเก็บศพไว้ 3-5 วันและเผาไปพร้อมกับวัวกระทิงเลยก็ได้ "


แต่ทุกอย่างนักบวชต้องเป็นผู้กำหนดฤกษ์ยามทั้งหมด ถ้าฤกษ์ไม่ดีก็ทำไม่ได้คะ



วัวกระทิงสีดำตัวนี้ ตอนแรกเปรี้ยวก็สงสัยว่าเป็นอะไร ภายหลังจึงทราบว่าเป็นโลงศพ แต่ละคนที่เสียชีวิตญาติต้องเผาสัตว์มงคลให้ แต่ละคนอาจเผาแตกต่างกันไป อากุงบอกว่า ปีที่แล้วเผาสิงห์ ปีนี้เผาวัวกระทิง วัวกระทิงนี้ไม่ใช่ถูกนะคะ ทราบราคามาราคาตัวละ 5 ล้านรูปี ( 15000 บ. ) ครอบครัวนี้เผาทั้งหมด 6 ตัว กับปราสาทอีก 1 หลังคะ แต่จำนวนนี้ เปรี้ยวก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเยอะจัง เพราะทราบมาว่าบางครอบครัวที่เค้าทำพิธีวันนี้ เค้าเผาแค่ตัวเดียวก็มีคะ


ในงานจะไม่เห็นคนร้องให้เลย ยิ้มแย้มกันทุกคน เสื้อผ้าใช้ได้ทุกสีคะ หนุ่มน้อยคนนี้ใส่ชุดเต็มยศเลย เปรี้ยวเลยถ่ายรูปมาคะ คุณแม่น้องเค้าน่ารักมากเลย ชวนเราคุยใหญ่

อากุงบอกว่า " หมวก เรียกว่า อุดัง, โสร่งมี 2 ชั้น ชั้นในเรียกว่า คัมมอน, ชั้นนอกเรียกว่า ซาปุต, ผ้าคาดเอวเรียกว่า อันตัง " อันนี้เป็นเครื่องแต่งกายของผู้ชายเท่านั้นคะ



เมื่อเสร็จพิธีที่บ้านแล้ว ก็ตั้งขบวนเดินทางไปที่วัด ทุกคนมาช่วยงานกันแบบสมัครใจคะ เปรี้ยวสังเกตดูก่อนเคลื่อนขบวน เค้าจะให้เด็กผู้ชายขึ้นขี่หลังวัวกระทิง แล้วผู้ชายกลุ่มใหญ่ก็มาช่วยกันยกและโยนวัวแรงๆ ประมาณ2-3 ครั้ง เด็กผู้ชายที่นั่งด้านบนเกาะวัวแน่นมาก เพื่อไม่ให้ตกลงมา จากนั้นก็เคลื่อนขบวน พี่ๆ เค้ากล้ามใหญ่กันทุกคน ช่วยยกวัวกันอย่างกระฉับกระเฉง



กลุ่มนักดนตรีเล่นดนตรี พร้อมโห่ร้อง เพลงนี้คึกคักมาก ไม่มีเศร้าคะ





มาถึงยังที่ประกอบพิธี วัวทุกตัวก็นำมารวมกัน ที่ลานประกอบพิธีไม่ได้มีครอบครัวเดียวนะคะ คราวนี้ทำกันหลายครอบครัวรวมกัน แต่ละคนก็ทำงานของตัวเอง เสร็จก็รอครอบครัวอื่นๆ คนงี้เต็มลานเลยคะ


เค้าเปิดหลังวัวออก ญาติก็เดินรอบวัวที่จะเผา จากนั้นก็นำสิ่งของที่เตรียมไว้ ใส่หลังวัว เช่น อาหาร หมู เป็ด ไก่ สิ่งของที่จำเป็น ดอกไม้ ส่วนเสื้อผ้าแค่เอามาเป็นพิธี ไม่ได้เผาไปด้วย เปรี้ยวยืนรอจนกระทั่งบ่ายแก่ๆ ผู้คนหลั่งไหลมาเรื่อยๆ วัวเริ่มเยอะขึ้น หิวข้าวมากเปรี้ยวเลยไปหาข้าวทานก่อน หลังจากนั้นก็กลับมานั่งรอต่อ




สุดท้ายก็เหลือแค่ลานว่างๆ แบบนี้แหละคะ เท่าที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ทำให้รู้ว่าเรามีเงิน สิ่งของ มากมาย สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้จริงๆ อากุงบอกว่า "คนในครอบครัว หรือ ผู้ที่ต้องการอยู่ช่วย ก็จะรอเก็บเถ้าถ่านไปลอยอังคารที่แม่น้ำ จนกว่างานจะเสร็จสิ้นทั้งหมดก็ค่ำ"






ตอนที่ถ่ายรูปนี้ เวลา 4 โมงเย็น ชาวบ้านเค้าก็ช่วยกันเอาอาหารที่จะทำบุญมารวมกัน เยอะมากคะ แต่อันนี้เปรี้ยวไม่แน่ใจว่าเค้าจะเอาไปทำอะไร จากตรงนี้เปรี้ยวก็เดินกลับที่พักคะ เสร็จสิ้นภารกิจ มารอดูตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็นเลยคะ จบแล้วคะ ข้อมูลทั้งหมดนี้ เปรี้ยวต้องขอบคุณอากุง เพื่อนชาวบาหลีที่บอกมา หากข้อมูลตกหล่นไปก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ คราวหน้าถ้ามีโอกาสไปอีก จะไปมาข้อมูลมาเพิ่มนะคะ




ขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวเกาะบาหลีตอนที่ 3 : Pura Ulun Danu Bratan, Bali

ต้องขอบคุณมอเตอร์ไซด์ของอากุงจริงๆ ที่พาเราเที่ยว เราเดินทางออกจากที่พักที่อูบุด มุ่งหน้าขึ้นเหนือใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองสิงการาจา ใช้เวลาเดินทางประมาณชม.ครึ่ง ก็ถึงวัด Pura Ulun Danu Bratan ที่อูบุดร้อน แต่ที่นี่หนาว เปรี้ยวน้ำมูกไหลแบบกะทันหันเพราะจากอากาศร้อนมาเจออากาศเย็นวัดแห่งนี้อยู่ริมทะเลสาปน้ำจืดคะ อยู่ใกล้ภูเขาไฟ Kintamani มีความหมายว่าเมืองแห่งสายลม และเป็นภูเขาไฟอีกลูกบนเกาะบาหลี สูงจากระดับน้ำทะเล 1500 เมตร ชาวบาหลีเรียกวัดแห่งนี้ว่า Subak Temple ( Subak แปลว่า ทะเลสาป ) เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า Dewi Danu มีความเชื่อว่าทะเลสาปแห่งนี้เป็นทะเลสาปศักดิ์สิทธิ์ ส่วนทะเลสาปมีชื่อเรียกว่า Danu Bratan เหมือนชื่อของวัดคะ



มาเจอชาวบาหลีกำลังจะทำพิธีกรรมบางอย่าง ไม่มีโอกาสได้ถามคะ ว่าเค้าทำอะไรกัน แต่มันดูน่าสนใจดี ก็เลยเอามาฝาก




เหมือนด้ายสายสินญ์โยงเป็นทางยาวตามขบวน ผู้หญิงบาหลีสวยก็ตรงแบกของบนหัวคะ เปรี้ยวชอบ












ภายในวัดคะ กำลังทำพิธีอยู่ เปรี้ยวปีนกำแพงถ่ายรูปมา เพราะเราไม่สามารถเข้าไปภายในวัดได้คะ ต้องเงียบๆนะคะ เพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาทำพิธี




สาวสวยจากบาหลี




เปรี้ยวอยู่ที่วัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง รอจนพี่เค้าเริ่มทำพิธี จึงกลับ มองไปที่ทะเลสาปเห็นหมอกลอยเหนือพื้นน้ำ สวยมากอากาศเย็น รู้สึกคล้ายฝนกำลังจะตก เราจึงรีบเดินทางต่อ


Pura Luhur Uluwatu, Bali

วันนี้เราต่อกันที่ ฮุรูวาตู ( Pura Luhur Uluwatu ) อากาศดี๊ดี การเดินทางมาที่นี่เราใช้มอเตอร์ไซด์คะ วัดห่างจาก Kuta ราว 9 กม. เสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ ที่นี่เราจุต้องคาดผ้าคาดเอวด้วย เค้าก็มีให้ยืมคะ
มีคุณป้าคนหนึ่งก็เดินตรงมา ' คุณหนูคะ ให้ป้าไล่ลิงให้ไม๊คะ ป้าขอ 20000 Rp. '

' อิอิ ไม่ใช่คุณหนูแล้วคะ แก่แล้วคะ ไม่เป็นไรคะคุณป้า หนูไม่กลัวลิง '

มีลิงด้วยเหรอหว่า ค่าไล่ลิงแพงไป จะบาปเปล่าเนี่ย โกหกคนแก่ ไม่เป็นไรมีเป้อย่างเดียว เก็บของในเป้ให้หมดก็สิ้นเรื่อง
คุณป้าแกก็ยิ้ม ' ไม่เป็นไรคะ '

เดินมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูป คุณป้าแกก็นำหน้าฝรั่งกลุ่มใหญ่ ประมาณ 6 คนเลย ถือโอกาสแซวคุณป้าได้ทิปแน่ๆ ไล่ลิงดีๆนะคะ แกก็ยิ้ม แถมบอกให้เราตามไป


คุณป้าและนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เค้าเดินล่วงหน้าไปก่อนเรา พอเราเดินตามไปได้สักพักก็เจอลิงฝูงใหญ่ พร้อมเสียงร้อง ว้าย !! เกิดเรื่องอะไรขึ้น
อุ้ย !!! เจ้าจ๋อเร็วมากมันกระโจมผ่านหัวสาวฝรั่งในกลุ่ม พร้อมกับหยิบแว่นตากันแดดจากหัวของเธอไปด้วย

ป้าวิ่งกลับมา ' ลิงกัดรึเปล่า? '

สาวฝรั่งตอบ ' ไม่คะ '

เจ้าลิงตัวน้อยมันนั่งอยู่บนกำแพงใกล้เรามาก แฟนเธอตะโกนบอกเราว่า ' ช่วยจับลิงไว้ที '
อ๊ะจ๊าด พี่แกจะให้อะตรูจับลิงเนี่ยนะ จะบ้าเหรอ กลัวลิง
เจ้าจ๋อน้อยมันนั่งเฉย แต่มันเริ่มแทะแว่นตากันแดด เรามองลิงแล้วนึกในใจ ถ้าเป็นของเรา เราไม่เอาหรอก ถือซะว่าให้ของเล่นลิงไป โดนลิงกัดไปก็ไม่คุ้ม แล้วอีกอย่างเค้าก็เตือนแล้วด้วย ที่ป้ายข้างนอกเค้าก็บอกว่าให้ระวัง



ผู้ชายอินโดนีเซียซึ่งเป็นไกด์ของอีกกลุ่มมาเจอเหตุการณ์พอดี เค้าก็ร้องบอกว่า ' ระวังเดี๋ยวลิงกัด '
ป้าวิ่งกลับมา ' กล้วยมาแล้ว ' ก็ไม่รู้ว่าป้าเค้าไปเอามาจากที่ไหน
พี่ไกด์ เค้าก็บอกว่าจะ ลองแลกกล้วยกับแว่นตาดู

นักท่องเที่ยวมามุงมากขึ้น ไม่มีใครสนใจวัดแล้ว ตอนนี้สนใจแต่แว่นตา
แฟนของผู้หญิงฝรั่งถามเราว่า ' กล้วยพอไม๊ครับ ที่ผมมี 2 ลูก พร้อมยื่นให้เรา '

อ๊ะรายอีก กลัวลิงเหมือนกันนะ แว่นตาแฟนพี่น๊าเนี่ย
พี่ไกด์ ' เดี๋ยวผมลองอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ก็คงต้องให้มันนะครับ ' เรายื่นกล้วยให้พี่ไกด์

พี่ฝรั่งพยักหน้าหงึกๆ มือข้างนึงของพี่ไกด์ถือไม้ อีกข้างถือกล้วย เจ้าจ๋อมันเร็วมากเลย มันคว้ากล้วยอย่างรวดเร็วดูแทบไม่ทัน ส่วนแว่นตามันเอามาไว้ที่เท้าของมันอย่างรวดเร็ว




สุดท้ายเจ้าจ๋อเป็นฝ่ายชนะ ทั้งแว่นตาและกล้วยก็ต้องยกให้มันแต่โดยดี แถมมันยังแยกเขี้ยวเวลาที่ใครเข้าใกล้ พี่ไกด์เกือบโดนลิงกัด ที่แอบเคืองนิดๆ แฟนสาวฝรั่ง เอากล้วยให้เราไปแลกกะลิงเฉยเลย แว่นตาแฟนตัวเองแท้ๆ แต่ก็ตลกดี สงสัยเค้าคิดว่าเราเป็นสาวบาหลี หรือว่า เค้าคิดว่าเราเป็นคนไล่ลิง 55555 แต่เป็นอย่างหลังมีเคือง
สรุป วัดวาแทบไม่ได้ดูสนใจแต่ลิง ที่ อุลูวาตู แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในหกวัดฮินดูบนเกาะบาหลีที่คุณจะต้องมาดู วัดตั้งอยู่บริเวณหน้าผาสูงเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 16 โดยนักบวชในศาสนาฮินดู ชื่อ Danghyang Nirartha ซึ่งเป็นผู้ที่สร้าง Tanah Lot ด้วยเช่นกัน วิวทิวทัศน์สวยก็ตรงที่หน้าผา นี่แหละคะ

ตำนานความรักที่ซานัว : Museum Le Mayeur, Sanur, Bali

ก่อนที่จะไปบาหลี เจอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ของคุณ Le mayeur จิตรกรชาวเบลเยี่ยมที่บาหลี ทำให้อยากมาเห็นบ้านของคุณ Le mayeur ด้วยตาของตัวเอง เมื่อมาถึงเปรี้ยวก็ไม่พลาดที่จะมาดู บ้านของคุณ Le mayeur บ้านของท่านตั้งอยู่ที่เมืองซานัว ( Sanur ) อยู่ทางทิศใต้ของเกาะบาหลี คุณ Le mayeur เดินทางมาบาหลีทางเรือ ( การเดินทางในสมัยโบราณคงจะผจญภัยน่าดู อยากย้อนเวลาได้จัง.. ) เรือเทียบท่าที่เมืองสิงการาจาในปี ค.ศ. 1932 ซึ่งคุณ Le mayeur น่าจะอายุประมาณ 52 ปีคะ และในขณะนั้นเอง ท่านก็ได้พบกับนางรำสาวสวยชื่อว่า Ni Nyoman Pollok ท่านจึงทาบทามให้เธอมาเป็นแบบให้ท่านเพื่อวาดรูป ซึ่งในขณะนั้นคุณ Ni Pollok อายุได้ 15 ปี ท่านเริ่มวาดภาพคุณ Ni Pollok ไว้หลายภาพ และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนา

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1933 คุณ Le mayeur ได้จัดแสดงภาพของท่านที่มีคุณ Ni Pollok เป็นแบบวาดภาพที่สิงคโปร์ การแสดงภาพประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ท่านจึงเดินทางกลับบาหลีและซื้อที่ดิน ริมชายหาดซานัว เพื่อสร้างบ้านและสตูดิโอสำหรับทำงาน

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1935 คุณ Le mayeur แต่งงานกับคุณ Ni Pollok และในขณะเดียวกันนี้เอง ท่านก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านหลังนี้ ต่อมาในปีค.ศ. 1956 รัฐมนตรีท่านหนึ่งของรัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนั้น ได้มีโอกาสมาเยี่ยมท่านที่บ้าน และประทับใจในภาพวาดของคุณ Le mayeur เป็นอย่างมาก จึงได้ไอเดียอยากจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้น ซึ่งไอเดียนี้ คุณ Le mayeur เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ท่านทำงานหนักขึ้นเพื่อความฝันในครั้งนี้ ท่านมอบบ้าน,ที่ดินแก่คุณ Ni Pollok เพื่อให้ภรรยาโอนที่ดินทั้งหมดแก่รัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อทำพิพิธภัณฑ์
ต่อมาในปี ค.ศ. 1958 คุณ Le mayeur ป่วยเป็นมะเร็ง ท่านและภรรยาจึงเดินทางกลับเบลเยี่ยมเพื่อทำการรักษา หากแต่ว่าท่านเดินทางกลับได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น ท่านก็เสียชีวิต ด้วยอายุ 78 ปี ส่วนคุณ Ni Pollok ก็เดินทางกลับบาหลี เพื่อมาสานฝันของสามีเรื่องการเปิดพิพิธภัณฑ์ให้สำเร็จ คุณ Ni Pollok เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1985 ด้วยอายุ 68 ปี

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดียคะ




บริเวณบ้านคะ ด้านในไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป งานที่แสดงก็จะเป็นภาพเขียนของคุณ Le mayeur รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก สวยมากคะ




ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ



อนุสรณ์แก่คุณ Le mayeur และ คุณ Ni Nyoman Pollok


ขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวเกาะบาหลีตอนที่ 2 : Pura Taman Ayun, Tanah Lot, Bali

ครั้งที่ 2 ของการเที่ยวรอบเกาะบาหลีด้วยมอเตอร์ไซด์ของอากุง ฝนตกทั้งคืน จนกระทั่งตอนเช้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราก็เลยออกไปหาซื้อเสื้อกันฝน เริ่มออกเดินทางประมาณ 10 โมงเช้า ฝนตกปรอยๆ ตลอด ขี่มอเตอร์ไซด์มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของเกาะบาหลี เพื่อไป Pura Taman Ayun ดีที่ก่อนถึงวัดฝนหยุด ที่นี่เสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ ค่าจอดรถมอเตอร์ไซด์ 1000 Rp. ค่าเข้าชมคนละ 3000 Rp. วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 17 ล้อมรอบด้วยสระบัว ดูสวยอีกแบบ และดูแตกต่างจากวัดที่เราไปมา อาณาบริเวณรอบๆ วัดเป็นสวนสวย คำว่า Taman แปลว่า สวนในภาษาบาหลีคะ เราเดินได้ประมาณครึ่งชม.ฝนก็ตกลงมา ครั้งนี้เลยเป็นทริปตะลุยฝน อิอิ

















จากนั้นเราเดินทางมุ่งหน้ามาที่เมือง Tabanan เพื่อมาดู Tanah lot เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในบาหลี วัดแห่งนี้สร้างบนหินคะ คล้ายเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเล ตัวอาคารสร้างด้วยหินสีดำ ตอนที่เรามาลมแรงมาก คลื่นซัดเข้าฝั่งแรงมากๆ และที่นี่ไม่อนุญาติให้เข้าไปดูภายในนะคะ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 16 โดยนักบวชในศาสนาฮินดู ชื่อ Danghyang Nirartha ซึ่งท่านได้เดินทางมาจนถึงที่นี่ และมองเห็นแสงบางอย่างทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นจุดที่สร้างวัดแห่งนี้คะ







ที่นี่เค้าก็มีเคล็ดเล็กน้อยถ้าใครอยากขึ้นไปบนระเบียงทางเดินของวัด จะต้องให้คนที่เป็นนักบวชทำการเจิมก่อน งานนี้เราก็ลองบ้าง 5555




อย่างแรก คือ ล้างหน้าด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ก่อน เปรี้ยวล้างหน้าพร้อมลองดื่ม น่าแปลกมาก น้ำเป็นน้ำจืด จืดแบบจืดสนิทคะ และอุ่น สร้างความแปลกใจมากๆ เพราะวัดตั้งอยู่ริมทะเลคะ แต่น้ำกลับจืด ลองสอบถามดูก็รู้ว่ามีตาน้ำ ผุดขึ้นมา



จากนั้น คุณพี่ 2 คนนี้ก็อวยชัยให้อวยพร แปะข้าวที่หน้าผาและทัดดอกราชาวดีที่หู เราก็รับพรมาอย่างเต็มที่ อิอิ



คุณลุง 2 คนนี้คะ คนทำพิธี



แล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้ หน้าแป้นเชี่ยว 55555 รอบๆ วัดก็จะมีถ้ำงูศักดิ์สิทธิ์ แต่เปรี้ยวไม่ได้เข้าไปนะคะ แบบว่าสัตว์ทุกชนิดไม่ถูกโรคกันคะ เลยขอเดินดูรอบๆ ดีกว่า เห็นเสื้อตัวนี้อย่าเข้าใจผิดว่าไปรับจ้างเป็นหน่วยดับเพลิงที่เกาะบาหลีนะคะ เป็นเสื้อกันฝนคะ อิอิ แล้วเจอกันตอนหน้านะจ้ะ



Legong & Barong Dance Ubud, Bali.

วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาดูการแสดงงามๆ กันบ้างดีกว่า ที่บาหลีสามารถหาชมการแสดงได้ง่ายมากคะ หลายที่ แต่เราเลือกที่ Ubud Palace ค่ะ การแสดงนี้คือ Legong & Barong Dance คะ การแสดงสวยมาก ท่วงท่าการร่ายรำไม่ง่ายเลยนะคะ ที่ชอบคือ ตาของนางรำ มันดูเลิกลั่ก ลูกตากลิ้งไปมา น่าทึ่ง ที่ว่าน่าทึ่งเพราะลองทำดูแล้วทำไม่ได้คะ การแสดงนี้ ในสมัยโบราณจะแสดงถวายพระราชาคะ การแสดงแต่ละชุดก็มีที่มา จากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รามายณะ และความเชื่อทางศาสนา การแสดงที่เป็นที่นิยมมากก็จะเป็น บารองแดนซ์ (Barong ) เลกอง แดนซ์ ( Legong ) และเคสัก ( Kecak) คะ ลองมาชมนะคะ








เจ้าตัวนี้เค้าเรียกว่า บารองคะ มีความหมายในทางดีและร้าย แต่ถ้าคนบาหลีนิยมทำหน้ากากบารองไว้ในบ้าน มีความเชื่อว่าบารองจะช่วยดูแลและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล




อันนี้เป็นรำหน้ากาก เรียกว่า Telek จะมีตอนที่มีปีศาจออกมาด้วย แต่ภาพถ่ายออกมาไม่ดีคะ เลยไม่เอามาให้ดู การแสดงชุดนี้มีความหมายว่ามนุษย์มีด้านดีและด้านร้ายเสมอ ซึ่งได้นำข้อคิดมาจากเรื่องรามายณะและมหาภารตะ








เอามาให้ดูในบางช่วงบางตอนเท่านั้นคะ การแสดงก็นานประมาณ 1 ชม.ครึ่งแสงสีเสียงก็เรียกว่า เล่นกันสด เป็นการแสดงที่เปรี้ยวชมมากคะ