เที่ยวลพบุรี : Lopburi province, 2009.

ทริปลพบุรีคะ มาอัพบล็อกซะหน่อยเจอเรื่องวุ่นวายมากมายเลยหนีไปหลบร้อน ^_^ เดินทางด้วยรถไฟฟรี ชั้น 3 (ราคาเต็ม 28 บ. เดินทางด้วยรถไฟที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก) ราคาน่าสงสารมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมการรถไฟถึงขาดทุน เดินทางออกจากกรุงเทพเวลา 14.05 น. ถึงสถานีลพบุรีเวลา 17.20 น.คะ หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวเมืองคะเดินได้สบายๆ พอถึงก็หิวเลยคะ ซื้อไส้กรอกข้าวลูกละ 1 บ. พร้อมหนังไก่ 1 ถุง หุหุ




จากนั้นก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ เพื่อเตรียมไว้ว่าวันรุ่งขึ้นจะทำอะไรดี ไปเที่ยวที่ไหนต่อ เดินผ่านหน้าบ้านพระยาวิชาเยนทร์ หรือ นายคอนสแตนติน ฟอลคอน มีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิซ เดินทางมาประเทศสยามในฐานะพ่อค้า นายฟอลคอนเรียนรู้ภาษไทยได้อย่างรวดเร็ว และได้เข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในตำแหน่งล่าม และเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่เข้ารับราชการในสมัยกรุงศรีอยุธยา สุดท้ายก็มาจบชีวิตในประเทศไทยด้วยวัยเพียง 41 ปี





จากนั้นเดินเล่นเรื่อยจนถึงตลาดไนท์ บาร์ซ่าด้านหน้าศาลพระกาฬ ริมทางรถไฟ บริเวณนี้มีลิงเยอะมากคะ วุ้ย!!! มันกระโดดเกาะขาหนูเปรี้ยว 2 ตัว น่ากลัว แต่พี่เค้าช่วยไล่ไปให้ เปรี้ยวไม่ทำอะไรยืนนิ่งไม่ไหวติง กลัวลิงกัด แล้วมันก็กระโดดขึ้นเสาไฟฟ้าเริงร่าได้แกล้งเรา




หาของกินจนอิ่มหนำก็เดินหาที่นอนคะ เปรี้ยวเลือกอีกด้านของเมืองเพราะโรงแรมที่อยู่ใกล้ศาลพระกาฬ ลิงมันวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน ไม่เอากลัวลิง^_^ คนอะรายกลัวเผ่าเดียวกัน เปรี้ยวเลยเลือกที่โรงแรมเนตติ์ ราคาคืนละ 250 บ. ห้องสะอาดถูกใจ นอนหลับสบาย




วันที่ 2 ของการแบกเป้เที่ยวลพบุรี เรามีเวลาเดินทางครึ่งวัน เปรี้ยวไม่เคยตื่นแบบนี้มาก่อน ออกเดินทางก็ประมาณ 7.30 น.ได้ มาที่แรกเลย คือ ปรางค์สามยอดคะ บรรดาน้องลิงเต็มลานด้านหน้า :-) เสียค่าเข้าชม 30 บ. แต่เรา..ดิ.เดินไม่มีความสุขเลย น้องลิงเล่นเดินบ้าง กระโดดบ้าง ถ่ายรูปไป ระแวงไปตลอดเวลา พูดถึงปรางค์สามยอดนี้ ก็เป็นพุทธสถานนะคะ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่สร้างขึ้นก็เพื่อเป็นพุทธสถาน ประจำเมืองละโว้ ซึ่งในสมัยนั้นก็คือเมืองลูกหลวงของอาณาจักรขอม และต่อมาในสมัยพระนารายณ์มหาราช ได้ทรงมีรับสั่งให้ก่อสร้างเพิ่มเติมในส่วนด้านทิศตะวันออก เป็นวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป องค์นี้แหละคะ น้องลิงนั่งเล่นเต็มไปหมด ปรางค์สามยอดแห่งนี้จะตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ทางด้านหน้าศาลพระกาฬ เดินไปเล็กน้อยก็จะเป็นศาลพระกาฬ











จากนั้นก็เดินมาที่ วัดเสาธงทอง คะ วิหารรูปร่างแปลก คือเป็นทรงสูง ส่วนหน้าต่างก็จะเล็กและแคบ ซึ่งก็ได้ลองหาข้อมูล ก็พบข้อมูลว่าเดิมฝรั่งเศลสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น น่าจะใช้เพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาอื่น ซึ่งสามารถพบหลักฐานที่มายืนยันได้คือ ตึกโคโรซาน อยู่ทางด้านหลังวิหารซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่พักรับรองฑูตชาวเปอร์เซีย ปัจจุบันใช้เป็นโรงเรียนนวดแผนโบราณ ก็จะมีคุณลุง คุณป้าประจำอยู่ 2-3 คน และอีกตึกหนึ่ง คือ ตึกปิจู ซึ่งน่าจะเป็นมัสยิด รูปทรงตึกจะเป็นสไตล์เปอร์เซีย และปัจจุบันใช้เป็นกุฏิพระคะ ที่ด้านหน้าวัดมีตลาดสด เปรี้ยวเดินมันเลย ส่วนใหญ่จะเป็นของสด ผักสดเยอะมาก อยากซื้อกลับบ้าน อิอิ


เดินมาอีกมุมของเมืองก็จะเจอ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่วัดแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2539 ที่วัดแห่งนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วงการก่อสร้างคือ มีบางส่วนที่สร้างขึ้นก่อนสมัยพระนารายณ์มหาราช และมีบางส่วนที่สร้างขึ้นในสมัยพระนารายณ์คะ





เดินไปเดินมาก็ปาเข้าไป 9 โมงเช้าที่สุดท้ายที่เราจะไปก็คือ พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์คะ แวะถ่ายรูปหัวรถจักร ด้านหน้าสถานีรถไฟลพบุรี อยู่ตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หลังจากพระราชวังเราก็เดินกับไปเอาของที่โรงแรมและเดินทางต่อไปอยุธยา

No comments:

Post a Comment