ระหว่างทางเจอพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ใต้ต้นไม้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ สงสัยเหมือนกัน ระยะทางในการเดินทางไปวัดพู ดีที่ว่าไม่มีเนินเลย ปั่นรถจักรยานได้สบาย สงสารก็แต่สาวเอริที่มาเที่ยวกับคนแก่..หุหุ ปั่นจักรยานรอเป็นระยะๆ อิอิ กว่าจะมาถึงเล่นซะเหงื่อตก T_T
ปราสาทวัดพู ( Wat Phu ) แห่งนี้ก็จะมีค่าเข้าชมด้วยคะ คนละ 30000 กีบ ปราสาทวัดพู เป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหาร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วตั้งแต่ปี 2545 โครงสร้างต่างๆ ของวัดพู ก็จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 จะมีบารายหรือสระน้ำและปราสาทที่ 1 สร้างในสมัยหลังแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ลาวปกครองด้วยระบบกษัตริย์ และเจ้ามหาชีวิตเสด็จมาเพื่อนมัสการพระศิวะที่นี้ ซึ่งในสมัยก่อนการเดินทางสามารถมาได้ทางเดียว ก็คือ ทางเรือ สังเกตได้จากฐานปราสาทที่ยังเหลืออยู่
ส่วนทางเดินก็จะมีศิวลึงค์ ตั้งอยู่เรียงรายตามแนวทางเดิน และในส่วนที่ 2 ส่วนกลางจะพบปราสาทขอม 2 หลัง สร้างจากหินทราย แต่ตอนที่เปรี้ยวไปเค้าไม่ให้เข้าไปใกล้คะ ก็จะมีรั้วกั้นอยู่ ซึ่งในส่วนที่สองนี้ก็จะเป็นส่วนของเทวสถานเพื่อนมัสการบูชาเทพ ตามหลักศาสนาฮินดู และถ้าผ่านส่วนนี้ไปก็จะเห็น รูปแกะสลักขอมตั้งอยู่ ซึ่งคนลาวที่นี่เรียกว่า เจ้าที่ เป็นผู้ดูแลรักษาและป้องกันสิ่งชั่วร้าย
เรานั่งพักเหนื่อย ปล่อยให้เพื่อน 2 คนเดินต่อกันไปก่อน ขอนั่งพักถ่ายรูปก่อน เพราะในส่วนที่ 3 ต้องการพลังมากหน่อยกว่าจะตะกายขึ้นไปได้คงเหนื่อย เพราะต้องเดินขึ้นเขา
เรานั่งพักเหนื่อย ปล่อยให้เพื่อน 2 คนเดินต่อกันไปก่อน ขอนั่งพักถ่ายรูปก่อน เพราะในส่วนที่ 3 ต้องการพลังมากหน่อยกว่าจะตะกายขึ้นไปได้คงเหนื่อย เพราะต้องเดินขึ้นเขา
ทางเดินก็จะเป็นทางลาดและต่อด้วยบันไดชัน สองข้างบันไดก็จะมีต้นดอกจำปาลาว ( ต้นลีลาวดี ) เป็นแนวขึ้นไปตามบันไดเลยคะ ระหว่างเดินก็เจอลุงกะป้าจากประเทศจีน คุยกะเราเป็นภาษาจีน สงสัยจะถามว่ามาจากที่ไหน เราเลยมั่ว ตอบไปว่า ไทยแลนด์ ก็บอกมาโอๆๆ ไทยแลนด์ จากนั้นพี่ทั้งสามก็ซัดมาอีกชุดใหญ่ เหมือนว่าเราจะรู้เรื่อง พอมาถึงด้านบนได้ เราก็มองหาที่นั่งก่อน ตามหลังเรามาก็จะมีกลุ่มนักเรียนนานาชาติ น่าจะมาจากเมืองไทยเพราะมีเด็กผู้หญิงไทยด้วย ใส่กางเกงขาสั้นแบบสุดๆ กลุ่มนี้ ลูกเอยใส่ทำไมแบบนี้หนอ
พอหายเหนื่อยก็เดินหาเพื่อน..อิอิ และก็แวะไหว้พระด้านในปราสาท ปราสาทหลังนี้จะหลังเล็กกว่าหลังที่อยู่ข้างล่าง ด้านในจะมีพระพุทธรูป ส่วนด้านหน้าก็จะมีพี่สาวมาขาย มะเป้ง หรือ บายศรี อันละ 20 บ.คะ พร้อมธูป 3 ดอก แต่ไม่มีเทียน แปลกเนอะ พี่สาวเค้าก็เตรียมให้เราเรียบร้อย
ด้านนอกปราสาทคะ น่าจะมีการบูรณะในเร็ววันนี้เพราะเราเห็นเค้าเริ่มทำโครงไม้เอาไว้บ้างบางส่วน สงสัยว่าจะค้ำไว้ได้นานเท่าไร ถ้าไม่ทำเลย กลัวว่าจะล้มลงมา เหตุที่มีพุทธสถานเกิดขึ้นในบริเวณเทวสถานนั้น ตามประวัติสันนิษฐานว่า วัดพุทธ เกิดขึ้นภายหลังซึ่งน่าจะประมาณศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นช่วงที่ศาสนาพุทธเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ จึงได้มีการสร้างวัดพุทธ แทนศิวลึงค์ และพี่สาวที่ขายดอกไม้บอกว่า เมื่อก่อนมีวัด และมีพระที่นี่ด้วย
ในบริเวณด้านบนนี้ก็จะมีส่วนที่เป็นเห็นแกะสลักรูปช้าง รูปจระเข้ ( Elephant, Crocodile Stone ) และภาพแกะสลักตรีมูรติ และถ้าเดินไปอีกหน่อยก็จะมีบ่อน้ำศักดิสิทธิ์ ที่คนลาวเค้ามีความเชื่อมาว่าขออะไรก็จะได้สมหวังและเอาน้ำล้างหน้าเพื่อเป็นศิริมงคล
ภาพมุมบน ที่วัดพูแห่งนี้ก็จะมีงานเฉลิมฉลองเป็นประจำทุกปี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ใครสนใจก็สามารถมาได้ในช่วงนั้นคะ และวัดพูแห่งนี้ สันนิษบานว่าน่าจะสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 6-8 และอาจจะสร้างขึ้นก่อน นครวัดประมาณ 200 ปี และด้วยความคิดที่ว่าวัดพูอาจเป็นต้นแบบ ในการสร้างเขาพระวิหารในภายหลัง
ขอบคุณข้อมูลจากไกด์ชาวลาว และไกด์บุ๊ค lonely planet การเยี่ยมชม วัดพู ถ้ามาตอนเช้าจะดีมาก เรามาตอนบ่าย ร้อนมาก แต่ดีที่มีร่มไม้เป็นระยะ นั่งเล่น เดินเล่นที่วัดพู จนกระทั่งวัดปิด ปั่นรถจักรยานมานั่งที่ร้านค้าข้างหน้าต่อ เริ่มปั่นรถจักรยานกลับจำปาศักดิ์ก็ปาไป 5 โมงเย็น ถึงที่พักก็เกือบ 6 โมงเย็น ที่นี่สวยมาก ผู้คนน่ารัก แต่อินเตอร์เน็ตแพงมาก ชม.ละ 14000 กีบเลย ไปไหนต่อเดี๋ยวคราวหน้ามาโพสต์คะ
No comments:
Post a Comment